มีมิตรรักแฟนเพจรีเควสขอให้เขียนเรื่องไปเรียนเมืองจีนให้ฟังมั่ง สุ่ยหลินจัดให้ตามคำขอค่ะ
อย่างที่เรารู้กันว่าตอนนี้มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเมืองไทยเยอะมาก ตามเศรษฐกิจจีนที่กำลังอู้ฟู่สวนทางกับฝรั่งที่ซึมเอาๆ หลายคนก็รับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนไม่ได้ สารพัดจะทำอ่ะนะ เลยมีคำถามว่าไปเรียนเมืองจีนจะดีเร๊อะ เดี๋ยวถ้าลูกหลานชั้นติดนิสัยคนจีนกลับมาทำไง หรืออยู่แล้วทุกข์เหลือทนเกินรับกับคนจีนทำไง
สุ่ยหลินขอเอาปสก. (ประสบการณ์นะจ๊ะไม่ช่ายอย่างอื่น อิ อิ) ตัวเองมาแชร์นะคะ แรกๆ ที่ไปเรียนก็รู้สึกทุกข์มากเหมือนกันเพราะถึงแม้เราจะเป็นลูกจีนอ่ะนะ แต่เราก็เกิดในไทยมีแต่หน้าเท่านั้นที่หมวย ที่เหลือความคิดอ่านเราก็เป็นคนไทยหมดแล้ว ภาษาจีนก็ยังไม่ได้ ซิกน่าดู T_T อยากจะเลิกเรียนกลับบ้านก็หลายหน ติดที่ค่าเทอม (จ่ายไปแล้ว-งก) ลาออกจากงานมาเรียนแล้ว (ไม่มีที่ให้กลับไปทำงาน) ก็ฝืนทนต่อไป เลยขอรวบรวมว่าวิธีไปเรียนเมืองจีนให้มีสุข เราควรจะ จุด จุด จุด
1. ยอมรับก่อนว่าเค้า (คนจีน) กับเรา (คนไทย) มีวัฒนธรรมความเคยชินไม่เหมือนกัน
อย่าไปคิดว่าทำไมเค้าทำอย่างงั้น อย่างงี้ ทำไมเค้าไม่ทำอย่างงั้นอย่างงี้ (วะ) คิดไปก็ป่วยการ ซึมยาว หดหู่จิต ตั้งเป้าไว้ว่าชั้นมาทำอะไรที่นี่ ถ้าคิดมาเรียนเอาตั้งใจเรียนเอาภาษากลับไปให้ คำว่าตั้งใจไม่จำเป็นว่าต้องเรียนในห้องเรียนให้เก่ง ให้เทพ แต่พอเลิกเรียนอยู่แต่ในห้องดูซีรีย์เกาหลี อันนี้สุ่ยหลินว่าก็เสียโอกาส ไปเจอเพื่อนใหม่ ร่วมกลุ่ม ร่วมชมรมนู้นนี้ เป้าหมายคือไปดูโลกกว้าง ไปฝึกภาษาจีน ไม่ใช่เปลี่ยนที่ดูซีรีย์เกาหลีหรือเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนคนไทยที่รู้จักแค่นั้น
2. ผูกมิตรกับคนจีนไว้
คนจีนไม่ได้ฮิตฮือฮาคนไทยเหมือนอย่างกับที่ฮือฮาฝรั่ง ถ้าเป็นนักเรียนต่างชาติที่เป็นฝรั่งคนจีนจะเข้าหาจะพยายามผูกมิตร เพราะอยากฝึกภาษาหรืออื่นๆ แต่สำหรับคนไทยเค้าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ภาษาไทยก็มีแต่ประเทศไทยที่ใช้ รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ไม่แคร์ประมาณนั้น ในสายตาของคนจีนรู้จักเมืองไทยผ่านหนัง (เรื่องฮิตก็ Lost in Thailand) กระเทยไทยและข้าวเหนียวมะม่วง ดังนั้น มองให้ดีก็มีข้อดีเพราะเค้าเข้ามาหาแบบไม่หวังผล (คือไม่หวังอะไรเลยนั่นเอง 555 ) แต่คนจีนมีข้อดีก็คือมีน้ำจิตน้ำใจกับเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องดี ถ้าเราเป็นเพื่อนเค้า เค้าก็จะพยายามช่วยเหลือค่ะ ถ้าหากว่าเราหาเพื่อนคนจีนไม่ค่อยจะได้ เพราะมีแต่นักเรียนต่างชาติด้วยกัน (เวลาไปเรียนเมืองจีนถ้าเรียนคอร์สปูพื้นภาษาก่อน เค้าจะให้เรียนกับนักเรียนต่างชาติด้วยกันหมด เว้นแต่เวลาเข้าหลักสูตรป.ตรี/โท/เอก) ก็เข้าหาอาจารย์เลย นัดกินข้าวกับอาจาย์หลังเลิกเรียนบ้างไรบ้าง ฯลฯ
ตอนสุ่ยหลินเรียนที่เมืองจีน มีช่วงหนึ่งปิดเทอมหน้าร้อนเพื่อนนร.คนอื่นกลับบ้านหมด ตัวเองไม่อยากกลับ เพราะอยากประหยัดค่าตั๋ว (สรุป—งกอีกล่ะ) และอยากใช้โอกาสนี้ฝึกภาษา (ดูดีขึ้นมาทันที) ก็บอกอาจารย์ว่าไม่กลับบ้านหาวิธีฝึกภาษาให้หน่อย อาจารย์เลยพาไปฝากบ้านพ่อแม่ของเพื่อนอาจารย์อีกที วิธีการง่ายมากคือเช้าก็ไปหาเค้าที่บ้าน ช่วยเค้าทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ เค้าก็พาไปจ่ายตลาดแบบท้องถิ่น กินข้าว ทำงานฝีมือ วาดรูปเล็กน้อยๆ แน่นอนเค้าพูดภาษาอะไรไม่ได้เลยนอกจากภาษาจีน ส่วนสุ่ยหลินตอนนั้นภาษาจีนก็ประมาณแถวๆเด็ก ป.2 ด้วยความที่พ่อแม่ของเพื่อนอาจารย์นั้นเกษียณแล้ว มีเวลาเยอะแยะที่จะคุยกับสุ่ยหลิน เราก็ช่างคุยด้วย แกก็คงประมาณว่าเลี้ยงเด็ก ป.2 สักคน(มั๊งนะ) ด้วยวิธีการพอเปิดเทอมใหม่สุ่ยหลินรู้จักศัพท์และจำศัพท์เยอะกว่าที่เรียนในตำราเรียนที่เรียนมาทั้งหมดซะอีก
โพสไปโพสมาชักยาว สุ่ยหลินว่าเรามาต่อกันโพสหน้ากันดีกว่านะคะ