สวัสดีค่ะแฟนเพจของสุ่ยหลิน จากข่าวที่พวกเราเห็นว่าเมืองจีนสามารถควบคุมคนจีนให้ทำตามกฏหมาย สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับประเทศ ไม่ให้พลเมืองดีต้องอยู่อย่างหวาดผวา เหตุผลหลักๆ เพราะเมืองจีนมีประชากรเยอะมากๆ ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 66 ล้านคน จีนมีประชากร 1.4 พันล้านคน จะเห็นจำนวนต่างกันเยอะมากๆ ถ้าไม่มีกฏหมายหรือกฏระเบียบที่เข้มงวดแล้ว จะคุมให้เรียบร้อยยังไงได้
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้ Social Credit System ว่าแต่คืออะไร และช่วยควบคุมความเรียบร้อยของจำนวนคนมหาศาลได้ยังไง สุ่ยหลินจะเล่าให้ฟังค่ะ
Social Credit System
ภาษาจีนเรียก 社会信用体系 [shèhuì xìnyòng tǐxì] เป็นระบบที่รัฐบาลบอกว่ามีไว้เพื่อควบคุมประชากร 1.4 ล้านคน เพื่อสร้างบรรทัดฐานและค่านิยมเดียวกันทั้งประเทศ และจะเพิ่มความมีระเบียบวินัยและมารยาททางสังคม โดยการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เช่น
摄像头 [shèxiàngtóu] (การติดตั้ง) กล้องวงจรปิดให้ครบทุกจุด ซึ่งครบจริงๆ ไม่เหมือนของใครที่พอมีปัญหากล้องเสียทุกที โดยกล้องที่เมืองจีนสามารถจับได้ทุกจุดทุกมุมในเมืองจีน สามารถบันทึกได้หมดว่าบุคคลที่ต้องการติดตามอยู่ตรงไหน พูดกับใคร ทำอะไรบ้าง ทั้งหมดสามารถบันทึกได้หมดค่ะ
人脸识别 [rén liǎn shíbié] เทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าซึ่งมีความแม่นยำสูง จำได้แม้กระทั่งเห็นครึ่งหน้า เห็น ¾ หน้า เห็นเสี้ยวเดียวก็รู้ว่าเป็นใคร เคยมีคลิปคนต่างชาติทดลองดูว่าปลอมตัวไม่ตรงกับใน passport แล้วกล้องจะเจอไหม สรุปเจอค่ะ แล้วโดนเจ้าหน้าที่เข้าชาร์ททันที
人工智能 [réngōngzhìnéng] ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI หุ่นยนต์ ซึ่ง AI ที่พัฒนาโดยจีนมีความสามารถหลายอย่างมากเช่น รายงานความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยได้ ตรวจจับสภาพอากาศได้ และแจ้งเตือนประชาชนหากมีเหตุไฟไหม้หรืออื่นๆ ได้ โดย AI จะประจำอยู่ตามสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สถานที่ราชการ สนามบิน สนามกีฬาต่างๆ
ถามว่าเมืองจีนทำได้ยังไง ทำได้ก็เพราะในหน่วยงานราชการทั้งหมดมีแชร์ข้อมูลออนไลน์ทั่วกันหมดค่ะ เป็นข้อมูลเดียวกันของประชากรทุกคน เพศ อายุ วันเกิด ภูมิลำเนา อาชีพ ประวัติอาชญากร ฯลฯ ภาษาจีนเรียกการแชร์ข้อมูลร่วมกันว่า 共享资料 [gòngxiǎng zīliào]
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่าโอ้โห….ไม่เคารพสิทธิมนุษย์ชนเลย สุ่ยหลินเองไม่ได้อวยเมืองจีนไส้แตก แต่ต้องยอมรับว่าการเคารพสิทธิมนุษย์ชนให้ได้ผล ส่วนใหญ่ต้องใช้กับประเทศที่ประชากรเขาเป็นพลเมืองดี รู้หน้าที่ปฏิบัติของตัวเอง ซึ่งเมืองจีนเขาคิดว่าการควบคุมคนมากๆ แบบนี้ให้ได้ต้องมีกฏระเบียบมาคุม เหตุผลก็เพราะแต่ก่อนมีคนแอบทำไม่ดีหลายอย่าง เบาๆ เช่น ข้ามถนนไม่ใช้ทางม้าลาย ขโมยของเล็กๆ น้อยๆ ทิ้งขยะซีซั้ว ไปจนถึงเรื่องกลางๆ และเรื่องใหญ่ๆ เช่น ยืมเงินธนาคารแล้วไม่ใช้คืน เป็นหนี้แล้วหนีหนี้ คอรัปชั่น แอบเก็งกำไรตั๋วรถไฟเอาไปขายต่อโหดๆ ช่วงตรุษจีน สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่ต้องกลับบ้าน ชนคนแล้วหนี เห็นคนอื่นรวยกว่าแล้วอิจฉา เลยไปแทงเขา เป็นต้น
นอกจากนี้ เมืองจีนยังมีการคิดระบบ 实名制 [shímíngzhì] คือการระบุตัวตนคนซื้อด้วยชื่อหรือหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนด้วยค่ะ ในการซื้อบัตรโดยสารต่างๆ เช่น
买火车票要实民制。
Mǎi huǒchē piào yào shí mín zhì.
ซื้อตั๋วรถไฟต้องระบุตัวตนคนซื้อ (ด้วยชื่อและบัตรประชาชน)
ด้วยข้อมูลพวกนี้ก็ทำให้รัฐรู้ว่าใครทำผิด ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน มีข้อมูลอะไรบ้าง เคยทำผิดมาแล้วกี่หน ฯลฯ และคนที่ทำผิดจะถูกดึงเข้าบัญชีแบล็คลิสต์ 黑名单 [hēimíngdān] และจะโดนลงโทษแบบนี้ไล่จากเบาๆ ไปก่อน เช่น
• ขี้นแบล็คลิสต์ หรือถูกตีตราเป็น ‘bad citizen’ ในฐานข้อมูลรัฐ ไปติดต่ออะไร สมัครงานอะไร สมัครเรียนที่ไหน ข้อมูลที่เคยทำแย่ๆ ไว้ขึ้นหมด
• แบนการซื้อตั๋วเครื่องบินและรถไฟ
• แบนการเข้าเรียน (และส่งลูกเรียน) ในสถานศึกษาชั้นนำ
• ตัดช่องทางการได้งานกับบริษัทใหญ่ๆ มีชื่อเสียง
• แบนการเข้าพักโรงแรมหรู (ถึงแม้ว่าจะเงินจ่าย)
และในทางตรงกันข้าม หากพฤติกรรมดี คะแนน Social Credit สูง ซึ่งถูกจัดว่าเป็น ‘good citizen’ ก็จะมีรางวัลให้ด้วยนะคะ เช่น ลดราคาค่าไฟฟ้า ได้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารสูงกว่า หรืองดเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ขี่จักรยานฟรี เช่ารถฟรี เป็นต้น
ดูเมืองจีนแล้วย้อนมาดูของเรา ถอนหายใจเฮ้อ…..เบาๆ อย่าเม้นท์กันหนักหน่วงมากเพราะเพจนี้เรียนภาษาจีนเป็นหลักจริ๊งจริงๆ อย่าให้เพจปลิวนะคะแฟนเพจจจจ
สุ่ยหลิน^^