สวัสดีค่าแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลินทุกคน^^ ช่วงปลายเดือนเมษาที่ผ่านมาสุ่ยหลินแอบแว่บไปเที่ยวปักกิ่งมาค่ะ เลยห่างหายจากการโพสไปมั่ง (เพราะเมืองจีนเค้าบล็อกทุกอย่างที่เราใช้–ปล้นชั้นไปเรยซะดีกว่า TT ) หวังว่าแฟนๆ คงยังไม่ลืมสุ่ยหลินและยังติดตามกันเหมือนเดิมนะจ๊ะ
ได้เวลาวันศุกร์แล้ว ก็ถือเป็นเวลาที่เราพักสมองกันมั่ง หลายคนได้หยุดอยู่บ้านแต่สุ่ยหลินไม่ด้ายยย โอ้ววววม่ายย… เพราะใช้วันลาไปเกือบหมดแย้ว เศร้าแพรบ เอ้า! ม่ะเป็นไร โพสนี้สุ่ยหลินมาเล่าเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของปักกิ่งให้ฟังดีกว่า เค้าว่าถ้ามาปักกิ่งเนี่ยจะมีอยู่ 6 อย่างที่เหล่านักท่องเที่ยวอย่างเราแทบไม่เจอ หรือเจอน้อยมากๆ จะเป็นอะไรนะ? ติดตาม 6 อย่าง (ที่เค้าว่า) ที่หายากฝุดๆ ในปักกิ่งได้ในโพสนี้กะสุ่ยหลินค่าา^^
อันดับ 1 หมาจรจัด
จริงแท้ที่สุดในสามโลกว่า เราแทบไม่เห็นหมาจรจัดที่เมืองจีนเลย ไม่เฉพาะแต่ใน ปักกิ่ง นะ สุ่ยหลินเคยเรียนที่เซี่ยงไฮ้ก็ไม่เคยเห็นหมาไม่มีเจ้าของเป็นมาเฟียคุมซอย หรือชุมชนหมู่หมาโดนทอดทิ้ง หมาทุกตัวที่เห็น (ซึ่งมีจำนวนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเมืองไทย) จะมีปลอกคอสายจูงพร้อมพรั่ง ดูช่างมีชาติตระกูลซะทุกตัวนะ
เหตุผลก็เพราะว่าการเลี้ยงหมาที่เมืองจีน เจ้าของหมาต้อง “เสียภาษี” ทุกตัวค่าา ราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 10,000 บาท/ปี/ตัว และต้องเสียทุกปี ยิ่งหมาใหญ่ยิ่งแพง ดังนั้นคนจีนที่รักจะเลี้ยงหมา นอกจากมีตังค์สำหรับค่าอาหาร ค่ายารักษาหมาแล้วต้องมีตังค์จ่ายภาษีหมาด้วย ไม่งั้นไม่มีสิทธิ์ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงไม่ได้เห็นหมาจรจัดวิ่งไปวิ่งมา ตามถนนในเมืองจีนด้วยเหตุผลฉะนี้แล
อันดับ 2 ฝนตก
ปักกิ่ง มีค่าเฉลียฝนตกต่อปีประมาณ 600 มิลลิเมตร พูดอย่างนี้อาจนึกไม่ออก แต่ถ้าเทียบกะเมืองไทยเฉลี่ยแล้ว 1,500 มิลลิเมตรค่า ดังนั้นที่ปักกิ่งจึงหาฝนตกหนักๆ ยาก (ไม่นับเวลาเกิดพายุนา) ทำให้อากาศแห๊งแห้ง ต่อให้หน้าร้อนก็ร้อนแห้ง ผมสระเสร็จไม่ต้องไดร์แพรบเดียวแห้งทั้งหัว ผิดกะเมืองไทยที่นั่ง BTS มาถึงที่ทำงานแล้วผมยังเปียกเสื้ออยู่เรย
และเพราะอากาศแห้งแบบนี้นิเอง ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ง่ายมากๆ ค่า แตะโดนกันทีไร ไฟช็อตแปร๊บๆ เจ็บๆ สะดุ้งกันไปตามๆ กัน และถ้าใครไปปักกิ่งช่วงเดือนเมษายน พฤษภาคมของทุกปี จะเจออีกอย่างที่เมืองไทยไม่มีนั่นคือขนของต้นหลิว 柳树 [liǔshù] ปลิวกระจายไปทั่วเมือง คล้ายๆ ชีปะขาวของเราค่ะ แต่เยอะ เยอะ เยอะกว่ามาก จนอากาศนี้เต็มไปขนของต้นหลิว ติดกางเกง ติดหัวกันก็มีต้องมาปัดๆ เอาทีหลัง
อันดับ 3 ปั๊มน้ำมัน
ปักกิ่ง หาปั๊มน้ำมันย๊ากกกยากกมาก เหตุผลก็เพราะว่าแต่ก่อนเมืองจีนยังไม่เจริญ รถราก็ยังไม่เยอะ เลยไม่มีความจำเป็นต้องสร้างปั๊มน้ำมันแยะๆ ถึงตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ที่ทางในเมืองก็ไม่ค่อยมีเหลือให้ทำปั๊มซะแระ เพราะกลายเป็นคอนโดกะออฟฟิสสำนักงานทั้งหมด ปั๊มเลยหายากด้วยประการฉะนี้แล และอีกอย่างปั๊มในเมืองจีน รัฐบาลทำหมดเอกชนไม่มีสิทธิ์จ้าา
อันดับ 4 มอเตอร์ไซค์
อย่างที่เรารู้กันปักกิ่งมีการวางผังเมืองเป็นวงๆ ไล่จากวงในไปวงนอก มีทั้งหมด 7 วง เรียกไล่เป็นลำดับๆ ว่า 一环路 [Yī huán lù] , 二环路 [Èr huán lù] จนครบค่ะ วงในสุดใจกลางเมืองคือพระราชวังต้องห้าม 紫禁城 [Zǐjìnchéng] และเทียนอันเหมิน จะถูกห้ามไม่ให้สร้างตึกสูง พวกที่อยู่อาศัยต่างๆ ตึกสูงระฟ้าทั้งหลายแหล่ต้องอยู่วงนอกๆ
ดังนั้นมอเตอร์ไซค์เลยถูกห้ามเข้าวงในๆ ของเมืองไปโดยปริยายเพราะสร้างมลพิษให้กะอากาศ (ซึ่งมีมากอยู่แล้ว) แต่อนุญาต 电动车 [diàndòngchē] = จักรยานไฟฟ้า ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างจักรยานกะมอไซด์ที่ใช้แบตเตอรี่ในการชาร์จไม่ได้ใช้น้ำมัน เวลาชาร์จเสียบปลั๊กไฟที่แบตได้ทันทีซึ่งเข้าใจว่าจะมีมลพิษน้อยกว่ามอไซด์ (เค้าว่างั้น)
แต่ถึงแม้ว่ามอเตอร์ไซค์จะน้อย แต่ปักกิ่งรถติดมากกกกกกกกกกกก (มีที่อีกมั๊ยจะพิมพ์ กอ ไก่ให้ตกหน้ากระดาษ) ตอนที่ไปเที่ยวคาบเกี่ยววันแรงงาน สุ่ยหลินเจอไป 10 กิโลเมตร 2 ชั่วโมงฝ่าๆ เอ๊ง TT
อันดับ 5 ผู้หญิงท้อง
มีตัวเลขอัตราส่วนระหว่างผู้ชายกะผู้หญิงที่ปักกิ่งอยู่ที่ 6:1 โอววว…คุณพระ!! ดังนั้นผู้หญิงที่ปักกิ่งไม่ต้องสวย ไม่ต้องรวยก็เลือกได้ เพราะเค้ามีตัวเลือกเย๊อะะะ แหม..แอบอิจฉาเฮอะ ชิส์!
เหตุผลก็อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าคนจีนสมัยก่อนอยากได้ลูกชาย ถือว่าเป็นผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล แถมจีนยังมีนโยบายลูกคนเดียวด้วย (เพิ่งจะอนุญาตให้มีลูกคนที่สองเมื่อไม่นานมานี้เอง) เค้าเลยแห่กันมีลูกชายซะยกใหญ่ ผู้หญิงปักกิ่งเมื่อท้องก็จะหยุดงานอยู่กับบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน อัตราส่วนผู้หญิงปักกิ่งก็น้อยอยู่แล้วยิ่งไม่ออกไปไหน ถ้าหากเราไปเที่ยวแล้วได้เห็นผู้หญิงท้องเดินอยู่ตามถนนนี้ถือว่าโชคดี เพราะไม่ได้เห็นกันง่ายๆนะเออ
ขอโยงเข้าสาระนิดนึง เกี่ยวกับอักษรจีน “แต่งงาน” ผู้หญิงแต่งงานภาษาจีนใช้คำว่า 嫁 [jià] สังเกตดีๆ อักษรคำนี้ประกอบไปด้วย 女 ผู้หญิงและ 家 ที่แปลว่าบ้าน ดังนั้นความหมายของคนจีนคือ ผู้หญิงแต่งงานก็คือการไปอยู่บ้านคนอื่น (ซึ่งก็คือบ้านสามี) หรือว่ากันง่ายๆ คือ “แต่งออกไป” เพราะผู้หญิงจีนแต่ก่อนต้องแต่งเข้าบ้านผู้ชายเสมอ
ในขณะที่ผู้ชายแต่งงานใช้คำว่า 娶 [qǔ] ซึ่งมาจากคำว่า 取 [qǔ] ออกเสียงเหมือนกัลเด๊ะ แปลว่าเอาเข้ามา (หาตัวเรา) เช่น 取钱 [qǔqián] ถอนเงิน (มาให้ตัวเรา) ดังนั้น 取 มารวมกับ 女 กลายเป็น 娶 จึงหมายถึง แต่งงานสำหรับผู้ชาย เพราะเป็นการเอาภรรยาเข้ามาในบ้านนั่นเองค่าา
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ แต่ก่อนคนจีนอยากได้ลูกชายมากๆ แต่เดี๋ยวนี้เค้าเปลี่ยนล่ะนะ พ่อแม่รุ่นใหม่อยากมีลูกสาวมากกว่าลูกชายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่ะ เพราะถ้ามีลูกชาย พ่อแม่ก็ต้องเก็บเงินไว้ซื้อคอนโด ซื้อรถไว้ให้ลูกไปขอสาวด้วย ไหนจะเก็บเงินให้ตัวเองตอนแก่ด้วย เหนื่อยขนาดหนัก เพราะไม่งั้นสาวเลือกได้ สาวไม่แคร์นะจ๊ะ คอนโดที่ปักกิ่งราคาที่ตรม.ละ 1 ล้านบาทเท่านั้นเอ๊งง เอิ๊กกก!! ที่แถมให้คือไม่สามารถซื้อ-ขายขาดได้ด้วย เพราะที่ดินทั้งหมดเป็นของรัฐบาล ประชาชน(ตาดำๆ)เช่าซื้อระยะเวลา 70 ปีค่า พอหมด 70 ปีก็ตกเป็นของรัฐ อยากได้ต้องมาซื้อขายกันใหม่เน้อ ซิกๆๆ
อันดับ 6 เพศที่ 3
เรื่องเพศที่ 3 นี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมปักกิ่งค่ะ ดังนั้นเราเดินถนนเราจะไม่เห็นแบบที่เราเห็นตอนเดินที่สีลมเด็ดๆ จริงๆ อาจจะมีอยู่แต่ต้องแอ๊บไว้ เพราะมีผลต่อการหางาน การยอมรับทางสังคมและอีกต่างนานา
ดังนั้นเวลาคนจีนมาเมืองไทย เค้าถึงตื่นเต้นหนักเพราะไม่เค๊ยเคยเห็นมาก่อน เป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจว่าบ้านเราเสรีกว่าบ้านเค้าในเรื่องนี้เจงๆ แถมเพศที่ 3 บ้านเราบางคนส๊วยสวยยยกว่าสาวจริงหญิงแท้อีกค่าาา ดูอย่างน้องปอยสิ สุ่ยหลินล่ะยอมแพ้เลย
จบแว้วค่าา ใครมีอะไรจะเพิ่มเติมก็บอกสุ่ยหลินมั่งน้าา เผื่อว่าสุ่ยหลินตกหล่นอะไรไปเนอะ
สุดท้ายสุ่ยหลินฝากข่าวอีกจิ๊ด เนื่องจากมีแฟนคลับที่รักของสุ่ยหลินยังอยากได้หนังสือ เรียนจีน ให้ได้จีน สุ่ยหลินขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงนะคะ แต่ stock เวอร์ชั่น Pre order ที่สุ่ยหลินมีเหลือเพียงน้อยนิด กะจะเก็บไว้เผื่อกิจกรรมพิเศษ ใครที่อยากได้ หนังสือ เรียนจีน ให้ได้จีน ตอนนี้มีขายที่ร้านซีเอ็ด B2S และนายอินทร์นะคะ (เวอร์ชั่นซีเอ็ดต่างจาก Pre order เล็กน้อย ที่ไม่มีเนื้อหาพิเศษท้ายเล่ม นอกนั้นเหมือนกันหมดค่ะ อ่านสนุกได้ความรู้เหมือนกัน) จะว่างๆ หรือตั้งใจแวะไปดูไปซื้อที่ร้านก็ได้เลยนะคะ
จุ๊บๆ
สุ่ยหลิน^^
