才 VS 就 ต่างกันยังไงนะ
หลังจากเราเถิดเทิงทิงนองนอยกันมาเยอะแล้ว กลับมาเรียนภาษาจีนกันต่อนะจ๊ะ^^ เอาน่า อย่าเพิ่งหน้าเบ้สิจ๊ะ เรียนมั่งเล่นมั่งจะได้ไม่เบื่อน้า แถมคำศัพท์วันนี้ที่สุ่ยหลินเลือกมานี่เป็นคำถามมาจากคุณผู้อ่านทางบ้าน (พูดเหมือนรายการทีวีม่ะ อุ อิ) ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้บ่อยๆ งงบ่อยๆ ด้วย เรียนไว้มีประโยชน์ชัวร์ๆ จ้า
ติดตามน้า^^
才 VS 就 2 ตัวนี้ต่างกันยังไงนะ?? สุ่ยหลินมีคำตอบค่าาา
จริงๆ แล้วทั้ง 才 และ 就 เป็นคำวิเศษณ์ (adverb) ภาษาจีนเรียกว่า 副词 [fùcí] วางไว้หน้ากริยา ซึ่งทั้งสองตัวนี้มีคำแปลและวิธีการใช้หลากหลายมั่กๆ ค่ะ แต่ที่สุ่ยหลินยกมา battle กันในโพสนี้ ก็เพราะว่าทั้ง 才 และ 就 นี้ สามารถเน้นบอกอารมณ์ของผู้พูดว่า รู้สึกยังไงกับกริยาหรือการกระทำที่เกิดขึ้น ซึ่งมักจะมีเวลามาเกี่ยวข้องได้เหมือนๆ กันด้วยนะ
เริ่มกันก่อนเลยที่มุมแดง 才 [cái]
1. คำแสดงเวลา + 才+ กริยา
หรือ จำนวน + ลักษณนาม + คำนาม + 才 + กริยา
ในโครงสร้างนี้ 才 สามารถแสดงอารมณ์ว่าผู้พูดรู้สึก ว่ากริยาหรือการกระทำนั้นเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดหวังไว้ หรือใช้เวลาเยอะกว่าที่คิดไว้ ซึ่งก็แน่นอนอ่ะค่ะ ว่าผู้พูดอาจจะออกแนวบ่น เซ็งห่าน ไม่พอใจ หนักข้อกว่านั้นก็คือโกรธที่ไม่ได้ดังใจ เฮ่ย! และถ้าใช้กับจำนวน ก็จะหมายถึงต้องมีหรือต้องใช้สิ่งของนั้นจำนวนมาก ถึงจะเกิดกริยาขึ้นมาได้
เช่น
我昨天晚上十二点才睡觉。
[Wǒ zuótiān wǎnshàng shí’èr diǎn cái shuìjiào.]
เที่ยงคืนเมื่อวานกว่าชั้นจะได้นอน (อารมณ์เซ็ง เบื่อ ง่วงที่นอนดึก)
她四十岁才结婚。
[Tā sìshí suì cái jiéhūn.]
เธออายุ 40 เพิ่งจะแต่งงาน (อายุเยอะแล้ว ถึงจะได้แต่งกับเขาซะที!)
我花了两百块钱才买到的新衬衣呀!
Wǒ huāle liǎng bǎi kuài qián cái mǎi dào de xīn chènyī ya!
ฉันจ่ายไปตั้ง 200 เหรียญถึงจะซื้อเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ได้! (ต้องใช้ตังค์เยอะ จึงจะซื้อได้!)
2. 才 + (กริยา) + จำนวน + ลักษณนาม + คำนาม
ในโครงสร้างนี้ 才 ยังสามารถสื่อว่า จำนวนน้อย ระดับต่ำ มีความหมายเทียบเท่ากับ “只” ความหมายของ 才 ในที่นี้ แปลว่า “แค่” ซึ่งก็คือ มีจำนวนน้อยกว่าที่ผู้พูดคาดคิด
เช่น
他考上大学那年才16岁。
Tā kǎoshàng dàxué nà nián cái shíliù suì.
เขาสอบเข้าเรียนในวิทยาลัยในปีนั้นอายุเพียง 16 ปี
我们大学一个班才20个学生,你们班怎么这么多?
Wǒmen dàxué yī gè bān cái èrshí gè xuésheng, nǐmen bān zěnme zhème duō?
มหาวิทยาลัยของพวกเรา 1 ห้อง มีนักเรียนแค่ 20 คน ทำไมชั้นเรียนของพวกเธอมีเยอะขนาดนี้?
你这么搞才55公斤,一点儿也不胖。
Nǐ zhème gǎo cái wǔshíwǔ gōngjīn, yīdiǎnr yě bù pàng.
เธอสูงขนาดนี้ น้ำหนักแค่ 55 กิโลกรัม ไม่อ้วนเลยสักนิด (คนพูดคิดว่าน้ำหนัก 55 กิโลกรัมไม่เยอะ เมื่อเทียบกับความสูง)
ตามมาด้วยมุมน้ำเงิน 就 [jiù]
1. คำแสดงเวลา + 就 + กริยา + (了)
หรือ จำนวน + ลักษณนาม + คำนาม + 就 + กริยา + (了)
ในโครงสร้างนี้ 就 ใช้แสดงอารมณ์ของผู้พูดว่า กริยาหรือการกระทำนั้นเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด หรือใช้เวลาน้อยกว่าที่คิดไว้ แสดงอารมณ์ประหลาดใจ เซอร์ไพรส์ และมักจะพาเพื่อนสนิท 了 [le] มาปิดท้ายประโยคด้วยนะ และถ้าใช้กับจำนวน ก็จะหมายถึงมีหรือใช้สิ่งของนั้นแค่จำนวนน้อย ก็จะเกิดกริยาขึ้นมาได้แล้ว
ตัวอย่างประโยคเช่น
他下午四点就吃晚饭。
[Tā xiàwǔ sì diǎn jiù chī wǎnfàn.]
เพิ่งจะสี่โมงเย็น เค้าก็กินข้าวแล้วอ่ะ (โหห..กินเร็วเนอะ–ความรู้สึกคนพูด)
他16岁就上大学了。
[Tā shíliù suì jiù shàng dàxuéle.]
เค้าเพิ่งจะอายุ 16 ก็เข้ามหาลัยแล้ว (โหห…เก่งอ่ะ เรายังเรียนอยู่ ม.5 อยู่เรย–ความรู้สึกของคนพูด)
这本小说我一个晚上就看完了。
Zhè běn xiǎoshuō wǒ yī gè wǎnshang jiù kàn wán le.
นิยายเล่มนี้ฉันอ่านคืนเดียวก็จบแล้ว (ใช้เวลาแปบเดียว–ความรู้สึกคนพูด)
他6秒钟就跑完了50米,真快啊。
Tā liù miǎo zhōng jiù pǎowán le wǔshí mǐ, zhēn kuài a.
เขาวิ่ง50เมตรใช้เวลาแค่ 6 วินาที เร็วจริงๆ
2. 就 + (กริยา) + จำนวน + ลักษณนาม + คำนาม
ในโครงสร้างนี้ 就 สามารถสื่อว่า จำนวนมาก ระดับสูง ความหมายของ 就 ในที่นี้ แปลว่า “ตั้ง” “ถึง” ซึ่งก็คือ มีจำนวนมากกว่าที่ผู้พูดคาดคิด โดยมักจะมีคำที่แสดงขอบเขตเพื่อเปรียบเทียบอยู่หน้า 就 ด้วย
这一路就有好几所大学。
Zhè yī lù jiù yǒu hǎo jǐ suǒ dàxué.
ถนนเส้นนี้เส้นเดียวมีมหาวิทยาลัยตั้งหลายแห่ง (จำนวนมหาวิทยาลัยมีเยอะเกินกว่าที่คิด เมื่อเทียบกับถนนเส้นอื่น)
我今年就去了六次中国。
Wǒ jīnnián jiù qùle liù cì Zhōngguó.
ปีนี้ฉันไปประเทศจีนถึง 6 ครั้ง (ไปประเทศจีนเยอะเกินกว่าที่คิด เมื่อเทียบกับปีอื่น)
他这个月就花了三千多块钱。
Tā zhège yuè jiù huāle sānqiān duō kuài qián.
เดือนนี้เขาใช้เงินไปแล้วตั้งสามพันกว่าหยวน (ใช้เงินเยอะ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนๆ)
คราวนี้เราลองจับทั้งคู่มา battle ในเพลง เย้ยย!! ประโยคแบบเดียวกันค่ะ จะได้รู้ความแตกต่างชัดๆ นะ
เช่น
八点上课,他七点就来了。
[Bā diǎn shàngkè, tā qī diǎn jiù lái le.]
เริ่มเรียนแปดโมง เค้าเจ็ดโมงก็มาแล้ว (มาเร็วอ่ะ เรายังอยู่บนรถเมล์อยู่เรย–ความรู้สึกของคนพูด)
八点上课,他八点半才来。
[Bā diǎn shàngkè, tā bā diǎn bàn cái lái.]
เริ่มเรียนแปดโมง เค้าแปดโมงครึ่งเพิ่งจะมา (ไมไม่มา 9 โมงไปเลยล่ะจ๊ะ -ความรู้สึกของคนพูด ซึ่งอาจเป็นอาจารย์วิชานั้น ><‘)
他早上六点就起床。
[Tā zǎoshang liù diǎn jiù qǐchuáng.]
เค้าเพิ่งจะหกโมงเช้าก็ตื่นแล้ว (โหห..ตื่นเช้าอ่ะ เราตื่น 7 โมงแน่ะ –ความรู้สึกของคนพูด)
他早上八点才起床。
[Tā zǎoshang bā diǎn cái qǐchuáng.]
เค้าแปดโมงเช้ากว่าจะตื่น (โหห…มิน่ามาสายทูกวันน –ความรู้สึกของคนพูด)
我们班就有十个日本学生,他们班才有三个日本学生。
Wǒmen bān jiù yǒu shí gè Rìběn xuésheng, tāmen bān cái yǒu sān gè Rìběn xuésheng.
ห้องเรามีนักเรียนญี่ปุ่นตั้ง 10 คน ห้องของพวกเขามีนักเรียนญี่ปุ่นแค่ 3 คน ()
เป็นไงมั่งคะ? หวังว่าคงพอเข้าใจกับอารมณ์ของประโยคที่มี 才และ 就 ว่าผู้พูดมีความรู้สึกยังไงในประโยค ต่อจากนี้ ถึงเวลาแบบฝึกหัดหรรษากันแล้ว อิ อิ
ตกลงว่างานไหนยากกว่า?
โน้ตนิดนึงว่า บางครั้ง การใช้ 才 และ 就 อาจจะไม่เกี่ยวกับว่า การกระทำนั้นเกิดช้าหรือเร็วกว่าที่ผู้พูดคาดการณ์ไว้ค่ะ แต่เกี่ยวกับความยากง่าย ความมากน้อย ความใหญ่เล็กหรืออื่นๆ ก็ได้ค่ะ
เช่นประโยคแบบฝึกหัดนี้ค่า
两个人就能办好。
Liǎng gè rén jiù néng bàn hǎo.
两个人才能办好。
Liǎng gè rén cáinéng bàn hǎo.
คำถามคือ อารมณ์ของ 2 ประโยคข้างบนนี้ ในความคิดของคนพูด คนพูดคิดว่างานไหนยากกว่ากันค่ะ
ตอบมากันได้นะจ๊ะ เดี๋ยวสุ่ยหลินมาเฉลยทีหลังนะครัชชช
สุ่ยหลิน^^
[…] อยากอ่านกันมั๊ย คลิกที่นี่เลยจ๊ะ 才 VS 就 ต่างกันยังไงนะ?? […]
ขอบคุณครับ
1 两个人就能办好。สองคนก็ทำได้
2 两个人才能办好。สองคนถึงจะทำได้
แปลได้ประมาณนี้รึป่าวคะ ถ้าแปลถูกก็คิดว่าประโยคที่ 1 งานน่าจะง่ายกว่าประโยคที่ 2
ปล.เพิ่งตามเพจมาได้ไม่นาน กำลังไล่อ่านบทความเก่าๆอยู่ค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ อ่านเข้าใจง่ายดีค่ะ
เข้าใจถูกต้องแล้วจ้าา สุ่ยหลินขอบคุณมากๆ นะคะที่ติดตามจ๊ะ^^