การซ้ำคำในภาษาจีน (PAT 7.4 เฉพาะกิจ!!)

การซ้ำคำในภาษาจีน

สวัสดีค่ะแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลิน^^ โพสนี้สุ่ยหลินถือว่าเป็นโพสเฉพาะกิจเพื่อน้องๆ ที่กำลังจะสอบ PAT7.4  สุ่ยหลินขอเลือกเอาหนึ่งในเรื่องชอบออกข้อสอบใน PAT7.4 มาเล่าให้ฟังนะจ๊ะ

เรื่องนั้นก็คือ “การซ้ำคำ” ในภาษาจีนค่ะ จะเป็นยังไงนั้น ติดตามได้เลยโดยด่วนจ้าา (เวลาสอบเห็นเรื่องนี้ปุ๊ปอย่าลืมคิดถึงพี่สุ่ยหลินนาจา อิ อิ)

สุ่ยหลินว่าพวกเราที่เรียนภาษาจีนเนี่ย ต้องผ่านตาการซ้ำคำในภาษาจีนกันมามั่ง อย่างเช่นประโยคพูดบ่อยๆเลยก็ต้อง 谢谢![xièxie]  ประโยคยาวอีกนิดก็อย่างเช่น 你看看。[Nǐ kànkan.] แบบมาซ้ำเป็นคู่ก็มีนะ 全家上上下下都很高兴。[Quánjiā shàngshàng xiàxià dōu hěn gāoxìng.] และที่สำคัญเรื่องนี้นอกจากจะออกสอบ HSK แล้ว ยังชอบไปโผล่ใน PAT 7.4 ด้วยนะ รีบตามมาอ่านด่วนเพราะได้สองเด้งเลยน้าาา

เรื่องเคยๆ กับ 过 ใช้ยังไงล่ะนี่??

สวัสดีค่าแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลินทุกคน^^ โพสนี้สุ่ยหลินอยากเล่าถึงคำที่ง่ายๆ ที่เรารู้จักกันดี เรียนมาตั้งกะปีมะโว้แว้ว นั่นคือคำว่า 过 [guò] ภาษาไทยแปลว่า “เคย” ว่าแต่ตกลงตัวนี้เป็นกริยาเหรอ? เวลาปฏิเสธล่ะพูดยังไง? 不+V+过 [bù +V+guò] หรือว่า 没+V+过 [méi+V+guò] ??? อ่านแล้วก็ดูแปลกๆ แฮะๆ ที่สำคัญ 过 และ 了ต่างกันยังไง? แล้วไหงบางทีมีทั้ง 过 และ 了 ในประโยคเดียวกันอีกตังหากกก เย้ยย!!

ทั้งหมดนี้มีคำตอบในโพสนี้กะสุ่ยหลินค่า ติดตามเรื่องเคยเคย กับ 过 ใช้ยังไงล่ะนี่??  ได้เรยยนะคะ

有点儿 VS 一点儿 อันไหนน้อยกว่ากัน?

有点儿 一点儿

สุ่ยหลินว่าเรารู้จักคำว่า “点” ในภาษาจีนมาบ้างแล้วนะคะ คำนี้นอกจากจะแปลว่า “จุด” เช่น 三点五 [sān diǎn wǔ]  = สามจุดห้า หรือแปลว่า  “สั่ง (อาหาร)” เช่น 点菜 [diǎncài] แล้ว ก็ยังเป็นหน่วยนับของเวลาเป็นชั่วโมงได้อีกด้วยล่ะ เช่น 三点 [sān diǎn] = 3 โมง เป็นต้นค่ะ แต่พอเราเอา + 点儿 กลายเป็น 一点儿 ในเมื่อ 一  = หนึ่ง งั้น 一点儿 ก็น่าจะแปลว่าอะไรเล็กๆนะ  แถมยังมีอีกคำ + 点儿 กลายเป็น 有点儿  เอ๋!เริ่มงงล่ะว่าสองคำนี้ต่างกันยังไง?? แล้วจะแปลว่าอะไรดี ที่สำคัญตัวไหนน้อยกว่าตัวไหนล่ะ??

สุ่ยหลินมีคำตอบให้ค่ะ^^ ตามอ่านกันเลย

是…的 [shì…de] เห็นว่าง่ายๆ แต่ไหงงงทู๊กที!!! (HSK 3)

是....的 HSK

วันนี้สุ่ยหลินพามารู้จักกับ 是…的 กันค่ะ ซึ่งทั้งสองตัวคือ 是 [shì] และ 的 [de] ทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีใช่ไหมคะ เพราะติดโผอยู่ในลิสต์อักษรจีนใช้บ่อยกับเขาด้วยนา แถมยังแอบแจมในข้อสอบ HSK 3 อีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักดี แต่พอมาเป็นโครงสร้าง 是…的 ทีไรเราเป็นต้องงงทู๊กที เพราะไวยากรณ์ตัวเนี้ยไม่เหมือนภาษาไทย แต่ปรากฏว่าคนจีนใช้บ่อยมว๊ากก และเป็นส่วนหนึ่งของข้อสอบ HSK 3 ที่สอบเรื่องเนี้ยประจำด้วยล่ะ

ว่าแล้วอย่ารอช้า มารู้จักโครงสร้าง 是…的 ในวันนี้กันดีกว่าาาาา^^ (ต้องอ่านแบบเอคโค่นะ ถึงจะได้ใจจจจ)

ภาษาอังกฤษใช้ Tense บอกเหตุการณ์ก่อนหลัง แล้วภาษาจีนใช้อะไร???

以后, 然后 และ 后来

สวัสดีค่ะแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลิน^^ เวลาเราจะเล่าว่าเหตุการณ์อะไร เล่าว่าเหตุการณ์อะไรเกิดก่อน เหตุการณ์อะไรเกิดหลัง ภาษาอังกฤษพอจะมี Tense มาช่วยบอก แล้วภาษาจีนล่ะ เค้าใช้บอกกันยังไง??

ว่ากันตามตรงแล้วจะเล่าลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังในภาษาจีนนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับภาษาไทยเลยนะ  เราพูดภาษาไทยเองเราก็เพิ่มเติมคำบอกลำดับก่อนหลังเข้ามา เช่น “หลังจากนั้น”  “ภายหลัง” หรือ “ตอนหลัง” ภาษาจีนก็เหมือนกันเด๊ะๆ เลย ไม่ยากเลยใช่ไหมเอ่ย ติดตามแบบละเอียดกันต่อเลยค่าา

再 VS 又 ความเหมือนที่ไม่เหมือน (เอ๊ะ! ยังไง??)

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านที่รักของสุ่ยหลินทุกคนนะคะ^^ วันนี้สุ่ยหลินกลับมาพร้อมกับอักษรจีนสองตัว ที่เชื่อว่าทุกคนเคยเห็นมาแล้วแน่นอน แต่บางครั้งกลับง๊งงง (มีงองู 4 ตัวแน่ะ!) ว่าทำไมแปลเหมือนกัน แต่ใช้ไม่เหมือนกันล่ะ แล้วจริงๆสองตัวเนี้ยใช้ยังไงได้มั่งนะ? สองคำนั้นก็คือออออ… 再 [zài] และ 又 [yòu] ค่า

ติดตามความเหมือนในความต่าง (พูดไปแล้วรู้สึกว่าเท่ดีประโยคเนี้ย อิ อิ) ของ 再 [zài] และ 又 [yòu] ได้ในโพสนี้ค่าาา!!

把字句 ไวยากรณ์นี้ไม่มีในภาษาไทย ตอน 1

把字句

สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนเพจของสุ่ยหลินคะ วันนี้สุ่ยหลินกลับมาพร้อมกับเรื่องประโยค 把 (把字句) [“bǎ” zìjù] ซึ่งเป็นไวยากรณ์ที่ภาษาไทยม่ะมี? อ่าว! แล้วจะรู้ไปทำไมล่ะ?? คุณผู้อ่านอาจถาม ก็เพราะว่าภาษาจีนมี แล้วยังใช้เยอะ ใช้บ่อย แถมยังชอบออกสอบ HSK อีกด้วยค่าา

สุ่ยหลินเขียนโพสนี้ขึ้นมาเพราะมั่นใจพวกเราเหล่าคนรักภาษาจีน พอเรียนไปสักพักก็ต้องเจอ 把字句 แล้วก็ต้องงงงวยอย่างแน่นอน แต่วันนี้มีตอบทุกคำถามของ 把字句 ไวยากรณ์ที่ไม่มีในภาษาไทยตอน 1 ส่วนตอน 2 จัดมาทีหลัง ให้เราค่อยๆ รู้จัก 把字句 ให้ลึกซึ้งประหนึ่งเป็นญาติกันเลยทีเดียวเชียวน้า

ติดตาม 把字句 ในโพสนี้กะสุ่ยหลินครัชช

着,了 และ 过 ตัวช่วยบอก Tense ในภาษาจีน

สวัสดีค่ะแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลิน^^ ห่างหายจากการเขียนโพสไวยากรณ์ไปน้านนานนะคะ โพสนี้สุ่ยหลินกลับมาพร้อมกับไวยากรณ์ง่ายๆ แต่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันของคนจีนค่ะ

ไวยากรณ์ตัวนั้นก็คือ 着 [zhe],了 [le] และ 过 [guò] สามตัวนี้ถือว่าผู้เริ่มต้นเรียนภาษาจีนต้องได้ผ่านตาแน่นอน คำถามคือทั้ง 3 ตัวนี้มีไว้ทำไม?  แล้วความหมายต่างกันมั๊ย? ถ้าไม่ต่างจะใส่ไปทำเพื่อ?? ติดตามสุ่ยหลินเฉลยได้ในโพสนี้เลยค่า

ซีรีย์คำเหมื๊อนเหมือน 时间และ 时候 คือเวลาเหมือนกันแต่ไหงใช้ไม่เหมือนกัน??

สวัสดีค่า แฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลิน^^ เช่นเคยเนอะต้นสัปดาห์เราต้องกลับมาเรียนหนังสือกันแล้ว หลังจากลั้นลาดูหนัง ดูละครไปในวันศุกร์ อิ อิ  วันนี้เรามารู้จักคำ 2 คำที่เรารู้จักกันดีแต่งงกันทู้กที ว่าคำไหนใช้ตอนไหนกันแน่นะ และเป็นหนึ่งในคำถามจากทางบ้านที่แฟนเพจของสุ่ยหลินถามเข้ามาด้วยค่าา

2 คำนั้นก็คือ 时候 [shíhou] กับ 时间 [shíjiān] เรารู้ว่าทั้ง 2 คำเนี้ยมีความหมายเกี่ยวกับเวลาค่ะ ถ้าเปิดดิกอาจจะงงขึ้นอีก เพราะดันแปลเหมือนกันเป๊ะๆ นั่นคือคือ time และ period แต่จริงๆแล้ว 时候 และ 时间 มีความหมายในรายละเอียดปลีกย่อยน้อยๆ และวิธีการใช้ที่ต่างกันนะค้า

ติดตาม 时间และ 时候 แปลว่าเวลาเหมือนกันแต่ไหงใช้ไม่เหมือนกัน?? ในโพสนี้กะสุ่ยหลินค่าา

ซีรีย์คำเหมื๊อนเหมือน ตอน สองศรีพี่น้อง 不 [bù] และ 没 [méi] ต่างกันยังไง??

不 VS 没

สวัสดีค่ะแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลิน^^ ตั้งแต่เราเริ่มต้นภาษาจีนกัน คำปฏิเสธ 2 คำแรกเลยที่เราต้องเจอแน่ๆ คือ 不 [bù] กะ 没 [méi] ทั้งคู่แปลว่า “ไม่” เหมือนกันเด๊ะ อ่าาว…แล้วจะใช้ต่างกันยังไง? ทำไมต้องมี 2 ตัว? ตัวไหนใช้ตอนไหน? แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ?

ใครที่ยังไม่ได้เรียนหรือยังแยกความต่างไม่ออกห้ามพลาดโพสนี้ค่ะ ส่วนใครที่เรียนไปแล้ว แน่ใจอ๊ะป่าวว่าว่าเข้าใจถูก สุ่ยหลินมีแบบฝึกหัดท้ายบทให้ทำด้วย ถ้าคิดว่ารู้แล้วลองเลื่อนไปทำท้ายบทก่อนเล้ยย แล้วค่อยกลับมาอ่านที่สุ่ยหลินอธิบายก็ได้นา เค้าให้โอกาสนะตัวเองง อิ อิ

ติดตาม ไวยากรณ์จีน 不 และ 没 ได้ในโพสนี้กับสุ่ยหลินค่ะ^^