ทำไมแม่ถึงให้หนูเกิด 为什么生你们

6399
SHARE

สวัสดีค่ะแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลิน^^ ใกล้วันแม่แล้วนะคะ สุ่ยหลินก็ขออวยพรให้คุณแม่ คุณลูกทุกคู่มีความสุขมากๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันนานๆๆ เพราะจริงๆ แล้วความรักของแม่ดีที่สุด บริสุทธิ์ที่สุดและรักเราไม่เปลี่ยนแปลงเสมอมาค่ะ สุ่ยหลินคิดว่าพอเราโตกันแล้วต้องยอมรับกันว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราละเลยแม่ไป ไปติดเพื่อน ไปติดงาน ไปติดแฟน หรือมีเรื่องอื่นๆ ที่เราอยากทำรออยู่ จนลืมนึกถึงแม่ สุ่ยหลินว่าได้เวลาแล้วนะคะ เวลาพวกเราก็เหลือกันอีกไม่มาก รีบกลับไปหา โทรไปหาก็ได้ค่ะ กินข้าวกับแม่ บอกรักแม่ แค่นี้แหละที่สุ่ยหลินว่าแม่เราอยากได้ยิน อยากเห็น สำคัญที่สุดคือทำให้แม่เห็นว่าเราช่วยตัวเอง เราเอาตัวรอดในสังคมได้ แม่ไม่ต้องห่วงเรา นี่คือสิ่งที่แม่ทุกคนอยากเห็นจากลูกนะสุ่ยหลินว่า

และก็เนื่องในโอกาสใกล้วันแม่นะคะ สุ่ยหลินมีเรื่องนึงอยากเล่าให้ฟังค่ะเป็นข่าวเมื่อปี 2013 เป็นเรื่องราวก้ำกึ่งกันระหว่างความถูกต้อง เหมาะสมกับความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ ติดตามเรื่องนี้ได้กับสุ่ยหลิน ทำไมแม่ถึงให้หนูเกิด 为什么生你们 [Wèishénme shēng nǐmen] ได้เลยค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจากชีวิตของคุณยายคนหนึ่งชื่อเฉิงหลินค่ะ เป็นคนจีนตอนนี้อายุ 68 ปี (เหตุการณ์ในภาพข่าวคือเมื่อคุณยายอายุ 64 ปี) ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีคืออายุ 60 คุณยายได้ตัดสินใจที่จะทำเรื่องที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้ เป็นการทำลายทุกอุปสรรคและทุกสถิติที่แม้แต่หมอก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง ทั้งหมดคือเรื่องของ “พลังใจ” ล้วนๆ

เริ่มจากชีวิตของคุณยายเฉิงหลินก็เหมือนกับผู้หญิงชาวจีนทั่วไป คุณยายมีลูกสาวหนึ่งคน ตามนโยบาย “ลูกคนเดียว” ของรัฐบาลจีนในอดีตเพื่อควบคุมจำนวนประชากร ลูกสาวสนิทกับแม่มากที่สุดอยู่ด้วยกันใกล้ชิดไม่เคยห่าง เพราะคุณตาไปทำงานที่เมืองอื่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว สองคนเฝ้าเลี้ยงดูจนลูกสาวเรียนจบมหาวิทยาลัยและคุณตาเกษียณ จนกระทั่งในปี 2008 ลูกสาวแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่เมืองอื่นพร้อมสามี ดูเหมือนชีวิตคุณตาคุณยายจะเรียบง่ายและเสร็จสิ้นภารกิจของครอบครัวแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น

ปี 2009 ต้นปีคุณยายเฉิงหลินตื่นมาพร้อมได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต นั่นคือลูกสาวและลูกเขยเสียชีวิตด้วยกันในอพาร์ทเม้นท์เพราะแก๊สรั่ว ทั้งคู่กลับมาบ้านอาบน้ำ นอนหลับและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

คุณยายและคุณตารีบไปที่โรงพยาบาลด้วยใจสลาย แต่ก็ได้แค่เจอกับร่างที่ไร้ชีวิตของทั้งคู่ ความเศร้าความเสียใจของการสูญเสียคนที่รักทับถมในใจของคุณตาคุณยายอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะคุณยายเฉิงหลินเธอหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อนๆ และญาติสนิทจึงแนะนำให้รับเด็กมาเลี้ยง แต่คุณยายคิดว่าเด็กที่ไม่ได้เกิดจากตัวเองก็ไม่สามารถแทนที่ลูกสาวตัวเองได้ คุณยายจึงตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ (ในประเทศจีนตอนนั้น) ไม่มีใครเคยทำ นั่นคือ “จะมีลูกอีกครั้ง”

การตัดสินใจของคุณยายเฉิงหลินในครั้งนี้ คนทั่วไปมองว่าบ้า แม้กระทั่งหมอเองก็ตาม หลังตัดสินใจแน่วแน่คุณยายเริ่มเดินสายหาหมอเพื่อขอให้ทำกระบวนการผสมเทียมให้ โรงพยาบาลหลายแห่งปฏิเสธที่จะทำให้เพราะอายุมากแล้ว ความเสี่ยงสูง และข้อมูลสถิติไม่เคยมีใครท้องได้ในอายุขนาดนี้มาก่อน กลัวจะเสียชื่อเสียงโรงพยาบาล เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฯลฯ แต่คุณยายไม่ยอมแพ้จนในที่สุดมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งรับทำให้ด้วยกระบวนการ IVF ด้วยเห็นใจในสาเหตุของการอยากมีลูกอีกครั้ง

นับจากนั้นคุณยายเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งต้องใช้ทั้งเงินและความอดทนสูง กินยาทุกวัน ฉีดยา วัดอุณหภูมิ อาหาร ออกกำลังกาย ฯลฯ คุณยายปฏิบัติตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัดไม่เคยขาด เมื่อ 3 เดือนผ่านไปเรื่องมหัศจรรย์ก็บังเกิด คุณยายกลับมามีประจำเดือนอีกครั้ง สร้างความประหลาดใจให้กับหมอและทุกคน เดือนตุลาคมปี 2009 หมอจึงผสมตัวอ่อน 3 ตัวอ่อนเข้าไปในร่างกายคุณยายได้สำเร็จ

ระหว่างการท้องคุณยายต้องดูแลตัวเองสารพัดและมีความเสี่ยงสูงกว่าคุณแม่ที่ตั้งท้องในวัยเจริญพันธุ์มากมาย แต่คุณยายอดทนไม่ยอมแพ้ ผ่านประสบการณ์มีเลือดออก ตัวบวม ปวดตามข้อต่อต่างๆ ความเสี่ยงและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมากเกินจินตนาการได้

ในที่สุดปี 2010 ลูกสาวฝาแฝดน่าตาหน้าเอ็นดูก็ลืมตามาดูโลกอย่างปลอดภัย โดยผ่านกระบวนการผ่าคลอด คนโตหนัก 3.7 ปอนด์ คนเล็กหนัก 2.9 ปอนด์ คุณยายเฉิงหลินได้ทำลายทุกสถิติ (ในประเทศจีนตอนนั้น) เรื่องข้อจำกัดทางอายุในการตั้งท้องและเป็นผู้หญิงจีนที่อายุมากที่สุดที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยด้วย

หลังลูกสาวฝาแฝดคลอดแล้ว งานของคุณยายก็ยังไม่จบอยู่แค่นั้น พูดกันง่ายๆ คือถ้าไม่มีลูกด้วยเงินเกษียณของคุณตา สองคนตายายก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ แต่พอมีลูกเล็กอีกสองคน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็มากขึ้น เพื่อให้ลูกสาวทั้งสองคนมีโอกาสเรียนหนังสือสูงๆ มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ คุณยายตัดสินใจทำงานอีกครั้ง ด้วยการเป็นผู้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ เธอเดินทางมากมายไปตามเมืองต่างๆ ในเวลาไม่นานคุณยายเดินทางไปทำงานตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศของจีนหมดแล้ว

ถึงแม้จะเหนื่อยแต่คุณยายไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำ กลับมีความสุขมากขึ้นทุกวันๆ เมื่อกลับบ้านเห็นหน้าลูก “ฉันจะบอกลูกๆ เสมอตั้งแต่เขายังเด็กว่าทำไมแม่ถึงอยากให้หนูเกิดมา ให้พวกเขารู้ตั้งแต่ยังเล็กถึงความจริงทั้งหมด ฉันหวังว่าเมื่อพวกเขาโตขึ้นจะเข้าใจว่าแม่ทำไปเพื่ออะไร”

ด้วยนโยบาย “ลูกคนเดียว” ของจีนในตอนนั้น ทำให้จีนมีสถิติของครอบครัวที่ลูกคนเดียวต้องจากไปก่อนวัยอันควรและพ่อแม่ที่เหลืออยู่ต้องใช้ชีวิตอย่างหดหู่ เศร้าเสียใจไปตลอดชีวิตจำนวนมาก ปัจจุบันรัฐบาลได้เปลี่ยนนโยบายให้ทุกครอบครัวสามารถมีลูก 2 คนได้โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2015 หลังใช้นโยบายลูกคนเดียวมาตั้งแต่ปี 1979 เหตุผลเพราะว่าขาดแคลนประชากรวัยทำงาน ไม่มีหนุ่มสาวมาทำงานขับเคลื่อนประเทศ และประเทศจีนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัวค่ะ (ไทยกำลังจะตามไปเร็วๆ นี้)

ดูภาพประกอบพร้อมคำบรรยายใต้ภาพได้เลยค่ะ

เครดิตเรื่องจากลิงค์นี้ค่ะ

http://slide.news.sina.com.cn/z/slide_1_33131_38987.html#p=1

คุณยายเฉิงหลินอายุครรภ์ 7 เดือนกว่ามารอที่โรงพยาบาลเตรียมคลอด

 

ถึงแม้ว่าหมอจะบอกการท้องในอายุ 60 ปีเป็นเรื่องเสี่ยงและมีอันตราย แต่คุณยายยืนยันแน่วแน่ที่จะทำให้สำเร็จ ในภาพคุณยายกำลังเข้าสู่ห้องคลอด ลูกๆ ฝาแฝดในท้องยังดูปกติดี ทำให้คุณยายมีกำลังใจขึ้นอีกมาก

 

ระหว่างทางไปห้องคลอด หมอๆ และญาติต่างให้กำลังใจ คุณยายชูสองนิ้วสู้ไม่ถอย ด้วยการตั้งท้องเมื่ออายุมากคุณยายผ่านประสบการณ์เจ็บปวด เลือดออก และอีกปัญหาสารพัด

 

เวลา 9.05 น.ของวันที่ 25 พค. 2010 ลูกสาวฝาแฝดก็ลืมตาดูโลก คุณยายตั้งชื่อว่า “จื้อ จื้อ” (智智) กับ “ฮุ่ย ฮุ่ย” (慧慧) (แปลว่าความรู้ กับ ความฉลาด) คุณตาอุ้มลูกทั้งสองไว้ด้วยความตื่นเต้น

 

เนื่องจากคลอดก่อนกำหนด เด็กฝาแฝดทั้งสองจึงนน.เบากว่ามาตราฐาน คนโตหนัก 3.7 ปอนด์ คนเล็กหนักเพียง 2.9 ปอนด์ ทั้งคู่ต้องถูกส่งเข้าห้องดูแลพิเศษ การดูแลเด็กคลอดก่อนกำหนดซับซ้อนกว่าเด็กที่อยู่ในท้องแม่ตามระยะเวลาปกติ

 

หลังการผ่าคลอด ร่างกายคุณยายอ่อนแอ คุณตาเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ด้วยอายุ 60 ปีตอนคลอด คุณยายทำลายสถิติการตั้งครรภ์ที่อายุมากที่สุดในจีนได้สำเร็จ

 

เมื่อโตขึ้น คุณยายพาลูกสาวสองคนมาตรวจร่างกายเป็นประจำ หวังว่าเขาสองคนจะมีสุขภาพดี

 

ภาพถ่ายกับคุณยายและพี่เลี้ยง

 

คุณตากำลังเล่นกับลูกแฝดที่บ้าน ตั้งแต่มีลูกฝาแฝดชีวิตของทั้งคุณยายและคุณตาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

เมื่อฝาแฝด “จื้อจื้อ” กับ “ฮุ่ยฮุ่ย” อายุได้ 100 วัน คุณยายพาไปถ่ายภาพสตูดิโอเก็บไว้เป็นที่ระลึก ลูกทั้งสองน่ารักมากทำให้คุณยายลืมความเศร้าครั้งหลังเกือบหมด

 

ในวันตรุษจีน เด็กๆ ฝาแฝดสวมหมวกใบใหม่ ปี 2011 คือตรุษจีนปีแรกของลูกฝาแฝดทั้งคู่

 

ฮุ่ยฮุ่ยหยอกล้อกับกล้องโดยก้มถ่ายผ่านขา คุณยายไม่อยู่บ้านไปทำงาน เด็กๆ ก็สนุกกันเต็มที่
ปล. สังเกตว่าเป้ากางเกงของเด็กๆ ที่จีนจะไม่เย็บปิดค่ะ เพื่อให้สะดวกเวลาจะเข้าห้องน้ำ เวลาอากาศหนาวมากได้ไม่ต้องถอดกางเกง (ซึ่งบางทีมีหลายชั้น) ภาษาจีนเรียก 开裆裤 [kāidāngkù]

เปียโนหลังนี้เดิมเป็นของลูกสาวคนแรกที่จากไป ในปี 1987 เมื่อลูกสาวคนโตอายุได้ 7 ขวบ ร่ำร้องอยากมีเปียโน คุณยายเฉิงหลินเก็บเงินอยู่นานจนเก็บได้ 5 พันเหรียญซื้อเปียโนให้ ปัจจุบันเป็นของเล่นอีกชิ้นของลูกแฝด

 

ภาพลูกสาวและลูกเขยยังแขวนไว้ที่บ้าน แต่ก่อนทุกครั้งที่เห็นคุณยายปวดใจทุกครั้ง ตั้งแต่จื้อจื้อกับฮุ่ยฮุ่ยโตขึ้นมา คุณยายก็มีกำลังใจมากขึ้นและมีความสุขมากขึ้นด้วย

 

เวลาผ่านไปลูกๆ เริ่มโตขึ้น คุณยายเริ่มแก่ลง ตอนนี้อุ้มพร้อมกันสองคนไม่ไหวแล้ว แต่เด็กๆ ก็ยังแย่งกันให้คุณยายอุ้มอยู่

 

จื้อจื้อ ร้องไห้งอแงที่ร้านขายของเวลาคุณยายไม่อุ้ม

 

เด็กสองคนมีพี่เลี้ยงสองคน ค่าใช้จ่ายพวกนี้คุณยายออกไปทำงานหามาช่วยคุณตาเพิ่มทุกเดือน

 

เด็กๆ กำลังซน คุณยายตามจับไม่ไหวต้องมีพี่เลี้ยงช่วย

 

กำลังไปโรงเรียนกับพี่เลี้ยง

 

ขณะที่เด็กๆ คนอื่นกำลังเรียน ฮุ่ยฮุ่ยแอบหนีมาเล่นกับพ่อที่รอหน้าห้อง

 

เด็กสองคนมารับคุณยายที่สนามบิน หลังจากไปทำงานบรรยายเรื่องการดูแลสุขภาพเกือบ 20 วัน

 

คุณยายบอกว่า “ฉันต้องเดินทางไปทั่ว 3-4 วันก็นั่งเครื่องบินสักที บางทีไม่มีเวลาก็ต้องรีบๆ กินข้าว มีเวลากลับบ้านไม่มากนัก ฉันอายุ 65 แล้ว เหลือเวลาไม่มาก แค่อยากให้ลูกทั้งสองมีโอกาสได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่น”

 

เพราะมีเวลาอยู่ด้วยไม่มาก สิ่งที่คุณยายมักทำคือทำกับข้าวให้ลูกฝาแฝด ระหว่างทำกับข้าว ลูกๆ ชอบมาเล่นด้วยเสมอ

 

หลังกินข้าวเสร็จ เด็กๆ นั่งดูทีวีพร้อมตุ๊กตาหมีตัวโปรด ถึงแม้ว่าภาระจะอีกยาวไกล แต่ภาระที่คุณยายเต็มใจที่จะทำอย่างมีความสุข

 

จื้อจื้อยืนอยู่ใต้รูปภาพของพี่สาวที่ตายไปแล้ว เธอไม่รู้จักพี่สาว มีแต่คุณยายที่เล่าให้ฟังว่าพี่สาวเป็นยังไง

 

จบแล้วค่ะ สุ่ยหลินหวังว่านอกจากอ่านเพลิน อ่านเอาสนุกจากชีวิตจริงของคุณยายแล้ว แฟนเพจทุกคนจะได้เรียนรู้อะไรๆ จากเรื่องนี้ด้วยนะคะ

สุ่ยหลิน^^