ตอนเด็กๆ สมัยที่เราเรียนหนังสือในโรงเรียน เวลาเรียนวิชาภาษาอังกฤษสุ่ยหลินมั่นใจว่าทุกคนจะต้องถูกบังคับให้เรียนเรื่อง Tense แน่นอน เราต้องจำว่า Past Tense ต้องเติม ed นะ (แต่ก็มีบางตัวไม่เติมแถมเปลี่ยนรูปอีกต่างหาก!!) Present Tense ต้องมีรูปกริยาผันตามประธานนะ ส่วน Future Tense ก้อต้องมี will เป็นกริยาช่วยนะ ยังไม่นับ Present Perfect, Perfect Continuous, Past Perfect และอีกต่างๆ นานา กรี๊ด…นี่สุ่ยหลินไม่อยากจะบอกว่าคืนครูหมดแหล่ว เฮ้อ T_T
ที่นี้มาถึงภาษาจีน เลยอยากถามว่าภาษาจีนมี Tense กันไหมน้อออ?
ถ้าตอบเลยตามหลักไวยากรณ์ ตอบได้ว่าภาษาจีนไม่มี Tense หรอกค่าา เพราะไม่มีการผันรูปกริยาเมื่อเหตุการณ์เกิดในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต (กริยาตัวเดิมเด๊ะๆ ไม่เปลี่ยนรูป) แต่ถ้าไม่ได้พูดในแง่ไวยากรณ์ จะเรียกว่าภาษาจีนก็มี Tense แบบอ้อมๆ ก็ได้ แต่ไม่ได้เกิดจากการผันกริยา แต่เกิดจากการเติมคำบางคำเพื่อบอกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ยังไม่เกิด หรือกำลังจะเกิดเหมือนกัน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ต่างกับภาษาไทยเลยนะคะ เพราะภาษาไทยก็ไม่มีการผันรูปกริยาเหมือนกัน และใช้วิธีเติมคำต่างๆ เข้าไปแทน เช่น “แล้ว” “จะ” “ยัง” “เสร็จ” เพื่อบอกสถานะของเหตุการณ์นั้นๆ แบบเดียวกับภาษาจีนเลยค่าาา
ถ้างั้นเรามารู้จักคำพวกนี้กันดีกว่าเพราะมีแค่ 5 ตัวเอ๊ง ซึ่งแค่ 5 ตัวเนี้ยก็เกือบครอบคลุมการบอก Tense ทั้งหมดในภาษาจีนล่ะ แถมที่สำคัญทั้ง 5 ตัวเนี่ย สุ่ยหลินมั่นใจว่าทุกคนรู้จักดีเป็นแน่แท้ๆ (ใครที่เรียนภาษาจีนมาแล้ว บอกไม่รู้จักซักตัวจะต้องโดนตีมือ)
คำที่ 1 了 [le]
คำนี้เป็นคำครอบจักรวาลโลก (เว่อร์! จริงจริ๊ง) เพราะเห็นบ่อยมว๊ากกกในภาษาจีน 了 ในที่นี่ก็คือ “แล้ว” นั่นเอง บอกว่าทำอะไรแล้ว กินอะไรแล้ว ดูหนังแล้ว ฯลฯ ลักษณะการใช้ 了 ส่วนนึงจะพูดว่าประมาณ Past Tense ในภาษาอังกฤษคงพอได้ แต่ภาษาจีนง่ายกว่าเย๊อะะ เพราะแค่เติม 了 ตัวเดียวก็จบข่าวค่าา ไม่ต้องวุ่นวายผันรูปกิริยาให้เปลืองสมอง อิ อิ
เช่น 爸爸回来了。 [Bàba huílái le] = พ่อกลับมาแล้ว
我学了一年多中文。[Wǒ xué le yī nián duō Zhōngwén] = ชั้นเรียนภาษาจีนมาปีกว่าแล้ว
หรือ.. บอกว่าเหตุการณ์มีการเปลี่ยนแปลงก็ได้นะ เช่น 下雨了。 [Xiàyǔ le] = ฝนตกแล้ว (ก่อนหน้านี้ยังไม่ตก)
รายละเอียดเรื่อง 了 และการใช้ยังมีอีกเยอะ ตามไปอ่านกันได้ที่นี่นะจ๊ะ
了 อ่านก็ออก เขียนก็ง่าย (อ่านโพสนี้แล้ว)ใช้เป็นชัวร์ๆ จ้าา!!
คำที่ 2 着 [zhe]
เราใช้ 着 [zhe] เพื่อเน้นเหตุการณ์ที่ดำเนินต่อเนื่องมาจากอดีต ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบันและจะดำเนินต่อไปในอนาคตค่ะ ซึ่งคำว่า 着 จะอยู่หลังกริยา แปลได้ว่า “(กำลังทำกริยานั้นหรือคงสภาพนั้น) อยู่” ค่ะ เป็นการเน้นว่ากริยานั้นยังดำเนินอยู่ต่อเนื่องและยังไม่จบ เช่น 吃着 [chī zhe] = กินอยู่ , 看着 [kàn zhe] = ดูอยู่ , 说着 [shuō zhe] = พูดอยู่ ไม่ยากเลยใช่ป่าว 🙂
คำที่ 3 过 [guò]
คำนี้สุ่ยหลินมั่นใจว่าต้องเคยเห็นกันแน่ๆ 过 ก็คือ “เคย” นั่นเองค่าา ตำแหน่งของ 过 คือวางไว้หลังกริยา เพื่อบอกว่าเคยทำกริยานั้นมาแล้วในอดีต ซึ่งตอนนี้ได้จบลงแล้ว
เช่น 我去过中国 。[wǒ qù guò Zhōngguó] = ฉันเคยไปประเทศจีนมาแล้ว
บางทีใช้คู่กับ 了ก็ได้น้า เป็น กริยา + 过 + 了
เช่น 吃过了吗? [Chī guò le ma?] = เคยกินมาก่อนละยัง
吃过了。[Chī guò le] = เคยกินมาแร้วว
คำที่ 4 正在 [zhèngzài]
คำนี้แอดวานซ์ขึ้นมาหน่อยนะมักวางอยู่หน้ากริยา แปลได้ว่า “กำลัง” หรือ “กำลัง…พอดี” ค่ะ ใกล้เคียงกับ Continuous Tense ในภาษาอังกฤษค่ะ เช่น
我正在读书。[Wǒ zhèngzài dúshū] = ชั้นกำลังอ่านหนังสือ
จริง ๆ คำว่า 正在 กะ 着 มีความใกล้เคียงกันค่ะ บางทีก็ใช้พร้อมๆ กันในประโยคเดียวกันด้วย ดูตัวอย่างประโยคพวกนี้ค่าา (สุ่ยหลินทำสีไว้ให้เห็นนะคะ^^)
他吃着饭。[Tā chī zhe fàn] = เขาทานข้าวอยู่
他正在吃饭。[Tā zhèngzài chīfàn] = เขากำลังทานข้าว
他正在吃着饭。[Tā zhèngzài chī zhe fàn] = เขากำลังทานข้าวอยู่พอดี
แต่ก็มีบางประโยคที่มีความแตกต่างนะคะเช่น
他正在穿衣服。
Tā zhèngzài chuān yīfu.
เขากำลังใส่เสื่อผ้า (กำลังสวมเสื้อสวมกางเกงอยู่)
他穿着衣服。
Tā chuānzhuó yīfu.
เขาใส่เสื้อผ้าอยู่ (บนตัวเขามีเสื้อผ้าอยู่ ไม่ได้โป้)
คือ 正在穿衣服 เน้นกริยาที่กำลังใส่เสื้อผ้า ส่วน 穿着衣服 เน้นสภาพที่คงอยู่ของการใส่เสื้อผ้านั่นเองค่ะ
คำที่ 5 要 [yào]
ตัวสุดท้ายแต่ง่ายที่สุดเลยก็คือ 要 แปลได้ว่า “จะ” นั่นเองงงง วิธีการคือใช้ 要 วางหน้ากิริยา เทียบได้กับ Future Tense ในภาษาอังกฤษเลยค่ะ
เช่น 我明天要去银行。[Wǒ míngtiān yào qù yínháng] = ชั้นจะไปธนาคารพรุ่งนี้
她下午要请假。[Tā xiàwǔ yào qǐngjià] = บ่ายนี้เธอจะลาล่ะ เป็นต้น
อยากรู้เรื่อง 要 แบบละเอียด อ่านกันต่อที่ 5 วิธีใช้ 要 ให้ถูกกกก!!
คราวนี้เราก็ใช้กันได้อย่างง่ายๆ แล้วนะคะ เอาจริงๆ คือไม่ยากเท่าไหร่ใช่ไหม เพราะเหมือนๆ กับที่เราพูดภาษาไทยเลยน้า ไม่ครนามือเราหร๊อกแค่นี้เอ๊ง
————
ฝากข่าวสำหรับคนที่สนใจงานเขียนสไตล์สุ่ยหลินนะคะ หนังสือ “เรียนจีน ให้ได้จีน” มีขายในรูปแบบ eBook แล้วนะคะ หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ ปัญหาที่คนไทยเพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษาจีนเจอบ่อยๆ และวิธีแก้ ความรู้พื้นฐานภาษาจีนที่คนเริ่มต้นเรียนต้องรู้ และศัพท์สแลงจีน ศัพท์ในโลกโซเชี่ยลยอดฮิต
พิเศษสุดค่ะ สุ่ยหลินเพิ่มเติมเนื้อหาท้ายบทนั่นคือ 偏旁 [piānpáng] อักษรข้างในภาษาจีนที่เจอบ่อยที่สุดจำนวน 15 หมวดอักษร
|
เนื้อหาทั้งหมดถูกเอามาเรียบเรียงให้อ่านง่ายสไตล์เรื่องเล่า แบบสุ่ยหลินเล่าให้แฟนเพจฟัง อธิบายง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ใช้ประโยชน์ได้จริง ถือเป็นคู่มือสามัญประจําบ้านที่ผู้เริ่มเรียนจีนทุกคนต้องมีนะคะ
อย่าพลาดนะคะ สุ่ยหลินรับประกันความดีงามค่า
สุ่ยหลิน^^