SHARE

สวัสดีค่าแฟนเพจที่น่ารักของสุ่ยหลิน ช่วงนี้เนือยๆ เหนื่อยๆ เรียนกันมาเยอะ ท่องไวยากรณ์ก็เหนื่อยเพลียฮาร์ท วันนี้เรามาพักด้วยโพสเบาๆ กันเรื่องแปลกๆ ของเมืองจีนมั่งดีกว่านะคะ

วันนี้สุ่ยหลินจึงขอรวบรวมเรื่องแปลกเกี่ยวกับคนจีนในสายตาคนไทยอย่างเรา มาอ่านกันเล่นๆ ดีกว่า ต้องบอกก่อนเรยว่าทั้งหมดเป็นคหสต. ของสุ่ยหลินคนเดียวนะครัชชคนอื่นอาจจะว่าไม่แปลกก็ได้ แล้วก็บางเรื่องแปลกในสายตาเราแต่ไม่แปลกในสายตาคนจีนเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ทุกบ้านทุกเมืองก็มี เค้าว่าแปลกเราว่าไม่แปลก เพราะเป็นเรื่องของความเคยชิน วัฒนธรรม ประเพณี เข้ามาเกี่ยวข้องอ่ะค่ะ

แพล่มมานานแระ ติดตามเลยดีกว่า^^ คุณผู้อ่านมีเรื่องไหนที่คิดว่าแปลกมาแชร์กันได้นะจ๊ะ อิ อิ

เรื่องแรก กางเกงเด็กตูดขาด

สาบานได้เลยว่าสุ่ยหลินเห็นกางเกงเด็กตูดขาดครั้งแรกนึกในใจว่ากางเกงขาดพ่อแม่ไม่รู้เหรอไง ว่ากางเกงขาดเดวเชื้อโรคไชเข้าตูดเด็กไปหรอก แต่ตอนหลังเพิ่งจะเกทว่า อ้อ! อากาศมันหนาวแฮะ ใส่กางเกงตั้งหลายชั้น จะถอดก็ยากใส่ก็ยาก เด็กปวดฉี่ทั้งวัน ใส่กางเกงแบบเปิดก้นได้จะฉี่จะอึก็สะดวกดีนะ

4 เรื่องแปลกใน เมืองจีน

ส่วนเรื่องจะสะดวกไป จนจะฉี่ที่ไหนก็ได้ก็อีกเรื่องนึง แหะๆ
กางเกงแบบนี้ภาษาจีนเค้าเรียก 开裆裤 [kāidāngkù] นะจ๊ะ

 

เรื่องที่สอง ใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ กัน

ตอนแรกๆ ที่สุ่ยหลินไปเรียนเมืองจีน นึกแปลกใจ (อยู่ในใจ) ว่าทำไมคนจีนที่เห็นกันบ่อยๆ เช่น อาหยี (แม่บ้าน) พนักงานเสริฟ แม้กระทั่งเหล่าซือในมหาลัยใส่เสื้อซ้ำๆ กัน คำว่าซ้ำกันในที่นี้คือเสื้อลายเดียวกันเป๊ะ เมื่อวานใส่ วันนี้ใส่ พรุ่งนี้ใส่ แต่ตัวเดียวกันป่าวไม่แน่ใจนะ (ตอนนู้น)

สุ่ยหลินเองก็ไม่รู้จะถามใคร ภาษาจีนก็ไม่เก่งกล้า ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ จนเวลาผ่านไปได้คุยกับเพื่อนเกาหลี ซึ่งตอนนั้นภาษาจีนพัฒนาขึ้นมามั่งแล้ว ปรากฏว่าเพื่อนเกาหลีก็คิดเหมือนกัน เพื่อนญี่ปุ่นก็คิดเหมือนกัน ถึงตอนนั้นมีการท้าทายกันว่าวันนี้เหล่าซือจะใส่เสื้อซ้ำกะเมื่อวานหรือป่าว  ><‘ (ร้ายจิมๆ) สรุปว่าซ้ำจ้าาา

ตอนหลังแลจึงเกทว่าคนจีนเค้าใส่ซ้ำกันจิงๆ แหละ เพราะอากาศหนาว แดดก็ไม่ค่อยจะมี กว่าจะซักกว่าจะตากเมื่อไหร่จะแห้ง จึงเป็นเรื่องธรรมดามากเรยอ่ะที่จะใส่เสื้อผ้าหนึ่งชุดซ้ำกันหลายๆ วัน เช่นนี้แล

ปอลิง สุ่ยหลินว่าใส่เสื้อผ้าซ้ำโอเค แต่ผมไม่สระไม่โอเคอ่ะ ซึ่งอันนี้ก็ไม่เกี่ยวกะคนจีน ชาติไหนก็เหมือนกันเนอะ เวลาขึ้นรถเมล์แล้วผมพัดผมยาวแบบไม่สระตีหน้าเราเพียะๆ มันเกินบรรยายจริงจริ๊งงงง

 

เรื่่องที่สาม กินโค้กตอนร้อนๆ

เห้ยยย…นี่อะไรรึนี่!!

เมนูนี้มีจิงๆ ค่าคนจีนเก๊าเรียก 姜汁可乐 [jiāngzhī kělè] คือเอาขิงแว่นมานาบจนร้อน แล้วเติมโค้กกับเลมอนฝาน เสิร์ฟตอนร้อนๆ เลย เค้าว่าช่วยเรื่องกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดีล่ะ

สุ่ยหลินเห็นครั้งแรกนึกว่าเต้าฮวย แต่ดันมีเลมอนฝานนี่จิ อาไรหว่า…??!!

 

4 เรื่องแปลกใน เมืองจีน

นอกจากนี้ ตู้แช่ที่เมืองจีนมีแบบตู้ร้อนด้วย เหมือนว่าเราอยากกินกาแฟกระป๋องแบบร้อนแบบนั้นอ่ะค่ะ แต่ในตู้แช่ทุกอย่างไม่เฉพาะกาแฟ มีโค้ก (ยังไหว!) มีหล่อฮังก้วย (ยังได้!) มีน้ำผลไม้ (เอ้ยยย…) แต่ค่ะ..คนจีนเค้ากินกันแบบนี้แระ แบบร้อนๆ

ปอลิง น้ำผลไม้เวอร์ชั่นกระป๋องร้อน ไม่โอเคเลยอ่ะ มันเหมือนยาแก้ไอพิกล

 

เรื่องที่สี่ ระหว่างเธอกับชั้น เราใกล้ชิดกันเกิ๊น

เป็นเรื่องของระยะห่างระหว่างบุคคลค่าา สุ่ยหลินไปเรียนเมืองจีนใหม่ๆ รู้สึกอึดอัดใจนึดนึงตรงที่เวลาคนจีนที่เป็นคนแปลกหน้า เวลาเดินกันมักชอบมาเฉียดมาชนเรา ทั้งๆ ที่เหลือที่ว่างตั้งเยอะแยะ จะเดินตรงนู้นก็ได้ไม่เห็นต้องมาเดินเฉียดหรือใกล้ๆ เราเลย แถมเค้าเองก็ไม่รู้ไม่ชี้ที่เราอึดอัดด้วยสิ

หรือเวลาขึ้นรถไฟฟ้า เคยเอาหนังสือขึ้นมายืนอ่าน ปรากฏว่ามีคนข้างๆ มาร่วมอ่านอย่างใกล้ชิดด้วยค่ะ ใกล้ชิดขนาดว่าคางเค้ากะไหล่เราเกือบชนกัน แทบจะซบกันเรยทีเดียวเชียว ถ้าเป็นหนุ่มก็คงจะดีเนอะอร๊ายยย..แต่คือเค้าเป็นผู้หญิงอ่ะค่ะ (เศร้าแพรบ) หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นว่าเวลาคนจีนเค้าอ่านอะไร ถ้ามีคนสนใจ เค้าก็ร่วมอ่านด้วยกันอย่างใกล้ชิด (เป็นหมู่คณะก็มี) ถึงแม้เป็นคนแปลกหน้าก็ตามเหอะ

เคยถามเหล่าซือที่มหาลัย เหล่าซือว่าคนจีนเคยชินกับสังคมที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นคนหมู่มากๆ ดังนั้นระยะห่างระหว่างบุคคล (personal distance) ของเค้าก็จะไม่มี private เท่าเมืองฝรั่งหรือแม้แต่เมืองไทยค่า

รูปนี้เอาฮานะจ๊ะ สองหนุ่มกินข้าวบนรถไฟใต้ดิน กะให้ดังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ โดนชาวเนตกระหน่ำด่าตามระเบียบค่ะ

 

เรื่องที่ห้า แต่งงานกับศพ

แรกๆ คิดว่ามีแต่ในหนัง ไม่มีจริง แต่จริงๆ แล้วมีจริงๆ ค่ะ

เหล่าซือของสุ่ยหลินเล่าให้ฟังว่าทุกวันนี้ยังมีอยู่แต่อยู่ในชนบทที่ห่างไกล ผู้คนอาจจะมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์อยู่มาก จริงๆ แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเมืองไทยที่ยังเชื่อเรื่องผีปอบ ผีกระสือ ผีกระหัง ผีกระด้ง ผีโอ่งอะไรก็ว่าไปนะ

คอนเซปต์คือหากคนในครอบครัวตาย แล้วยังไม่ได้แต่งงาน ครอบครัวจะเป็นห่วงกลัวว่าตายอย่างไม่สมบรูณ์ ไม่มีคู่ในภพหน้า ดังนั้นก็จะจ้างคนเป็นมาแต่งกับคนตาย ทำพิธีแต่งงานเป็นจริงเป็นจังหรือเป็นเรื่องเป็นราว

หรืออีกแบบคือไปซื้อศพ (ผิดกฏหมายนะ) มาแต่งงานกับคนตายในครอบครัวก็ได้ แล้วทำพิธีแต่งงานเป็นจริงเป็นจังก็จะได้มีคู่อย่างสมบูรณ์ค่ะ
冥婚 ในการแต่งงานของคนเป็นเรียก 结婚 [jiéhūn] งานแต่งงานของคนตายเรียก 冥婚[mínghūn]

 

เรื่องที่หก ใส่ชุดนอนไปเดินห้าง

แน่นอนว่าชุดนอนควรจะเป็นชุดที่ไว้หมกตัวอยู่กับบ้าน แต่เมืองจีนมีคนจีนหลายคนเลยใส่ชุดนอนแบบชุดน๊อน ชุดนอนแท้ๆ จะเป็นชุดทำสวนไปไม่ได้มาเดินห้าง ทำไมเป็นงั้นล่ะ??

เคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนคนจีน เพื่อนก็ว่าคนจีนหลายคนก็ไม่ชอบเหมือนกันบอกว่า 太随便了。[Tài suíbiàn le.] = ทำอะไรตามใจ ตามสบายจนไม่คิดถึงมารยาท

穿着睡衣出门

เพื่อนบางคนของสุ่ยหลินบอกว่า แต่ก่อนตอนประเทศจีนยกเลิกการบังคับให้ทุกคนใส่ชุดฟอร์มเหมือนๆกันหมด ตอนนั้นคนจีนยังจน มีตังค์ก็ต้องซื้อของที่จำเป็นก่อน ชุดนอนถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ต้องมีเงินเหลือถึงจะซื้อได้ ใครมีชุดนอนถือว่ารวยมีฐานะกว่าคนอื่น การใส่ออกมานอกบ้านจะถือว่าโชว์กลายๆว่าบ้านรวยนะจ๊ะ มาสมัยนี้เศรษฐกิจจีนดีขึ้น คนไม่จนเหมือนเมื่อก่อน แต่(บางคน)ก็ยังเคยชินใส่ชุดนอนก็ไปในที่สาธารณะ เค้าว่าแบบนี้จริงแท้อย่างไรมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ

ใครมีอะไรมาเสริมมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันค่ะ ถือว่าทำความเข้าใจ ทำความรู้จักกับคนจีน ประเทศที่เรากำลังตั้งหน้าตั้งตาขะมักเขม้นเรียนภาษาของเค้าอยู่นี่เรยจ้าา

สุ่ยหลิน^^