วันนี้สุ่ยหลินมีเรื่องน่าสนใจมากฝากค่ะ เป็นเรื่องการสอบเอนทรานซ์ของนักเรียนจีนทั่วประเทศ ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือนมิถุนายนของทุกปี เป็นสนามโหดหินซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าปราบเซียนเหลือหลาย อาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนการแข่งขันรุนแรงกว่านี้มาก เปรียบเทียบง่ายๆ ว่าคนสอบทุก 10 คนจะมีแค่ 4 คนที่มีที่เรียนในมหาลัย อีก 2 คนจะไปเรียนโรงเรียนฝึกวิชาชีพ ที่เหลือคือไม่มีที่เรียน !!ต่อให้มีเงินก็ตาม
นอกจากนี้ครอบครัวคนจีนมีความเชื่อกันว่าการสอบเอนทรานซ์สามารถเปลี่ยนชีวิตนักเรียนได้ การได้เรียนมหาลัยดีๆ หมายถึงอนาคตที่ดีขึ้น เป็นจุดมุ่งหมายของเด็กนักเรียนทุกคน ถ้าเอนท์ไม่ติดไม่มีที่เรียนก็ต้องออกมาทำงานรับจ้าง เคยถามอาจารย์ว่าเอนท์ไม่ติดก็เอนท์ใหม่ปีหน้าสิ อาจารย์บอกว่าตัวเลขนักเรียนม.6 สอบเอนท์ปีๆ หนึ่งเกือบ 10 ล้านคน (ปี 2014 มี 9.8 ล้านคน) ปีนี้เอนท์ไม่ติด ปีหน้าสอบใหม่ก็ได้ แต่ก็ต้องสู้กับอัตราส่วนคนสอบใหม่ในปีหน้าอันมหาศาลเหมือนเดิม T_T
และเพราะความเครียดความกดดันสูงนี้เอง จึงที่มาของแรงกดดันมหาศาลไม่เพียงแต่ไปยังเด็กนักเรียนเท่านั้น ยังรวมไปถึงครอบครัวของเด็กด้วย ครอบครัวจากชนบทยอมกู้หนี้ยืมสินส่งลูกเรียนขอให้เอนท์ติด หลายครอบครัวเชื่อว่าเอนท์ไม่ติดชีวิตจะพังทลาย มีตัวเลขการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นทุกปีเพราะเอนท์ไม่ติดด้วย
ในภาพชุดเหล่านี้เป็นการถ่ายภาพของนักเรียนม.ปลายในมณฑลเหอหนาน แสดงถึงชีวิต ความเครียด ความกดดัน ความคาดหวังของทั้งนักเรียนและครอบครัวเพื่อเตรียมการสอบเอนทรานซ์ในปี 2014 ที่แล้วมาค่ะ (ของปีนี้กำลังจะเริ่มกันเดือนหน้านี้แหละค่ะ)
มาติดตามชีวิตของเด็กนักเรียนม.ปลายชาวจีน เพื่อเตรียมตัวสอบเอนทรานซ์กันค่ะ
จากพาดหัวข่าว高考战争
1. 高考 [gāokǎo] (เกา เข่า) = การสอบเอนทรานซ์ (เป็นชื่อเล่น เอามาจากตัวย่อ 2 ตัว มีชื่อจริงยาวเป็นวาว่า普通高等学校招生全国统一考试)
2. 战争 [zhànzhēng] (จ้าน เจิง) = สงคราม
(บทความนี้เคยลงใน Pantip ค่ะ ถ้าอยากเข้าไปอ่านคอมเมนท์เพื่อนๆ หนุกหนานก็เชิญได้ค่ะ http://pantip.com/topic/32271333)
มณฑลเหอหนานซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่ประชากรมากที่สุดของจีน ในปี 2014 มีเด็กนักเรียนจีนเฉพาะในเหอหนานเตรียมสอบเอนทรานซ์ถึง 724,000 คน ทั้งนักเรียนรวมครูอาจารย์และพ่อแม่ ต่างก็แบกรับความกดดันไว้มากมาย รวมไปถึงความพยายามอย่างยาวนาน ทั้งหมดก็เพื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นวันสอบเอนทรานซ์ ทุกคนต่างมุ่งหน้าสู่ “สงครามเอนทรานซ์” พร้อมกับความเชื่อว่าจะเป็นวันที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้
改变 [gǎibiàn] (ก่าย เปี้ยน) = เปลี่ยนแปลง
命运 [mìngyùn] (มิ่ง ยุ่น) = โชคชะตา
โรงเรียนมัธยมหรู่หนานเป็นโรงเรียนเก่าแก่มีชื่อเสียง ก่อตั้งมาหนึ่งร้อยปีในมณฑลเหอหนาน เพื่อเข้าสู่สงครามเอนทรานซ์ที่การแข่งขันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โรงเรียนได้พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยนักเรียนให้สอบให้ได้ ในภาพคือวันที่ 15 เดือนพฤษภาคม ปี 2014 บนโต๊ะเรียนในห้องมีการวางของลักษณะคล้ายระเบิดมือปลอมไว้บนหนังสือ เพื่อเปรียบเทียบว่าการสอบที่กำลังจะเกิดเหมือนกับสงคราม พวกนักเรียนม.6 ต่างพูดว่า ทุกวันพวกเราเหมือนกับทหาร ต้องพร้อมที่จะ “ออกรบ” ตลอดเวลา
打仗 [dǎzhàng] (ต่า จ้าง) = ต่อสู้,ออกรบ
“เพื่อเอนทรานซ์ฉันยอมเป็นบ้า ชีวิตจะรุ่งเรืองนับตั้งแต่ (เอนท์ติด)นี้ไป จะสู้จนเลือดหยดสุดท้าย <ตะโกนหนึ่งครั้ง> ปี 2015 ต้องสำเร็จ <ตะโกนอีกครั้ง> ฉันต้องทำสำเร็จให้ได้” ในภาพคือวันที่ 4 มิถุนายนปี 2014 นร.ของโรงเรียนหรู่หนานห้อง 515 กำลังตะโกนรวมพลังใจให้เข้มแข็งวันสุดท้ายก่อนหน้าสอบเอนท์ ที่รร.นี้นักเรียนทุกชั้นปี ทุกห้อง ทุกวันจะต้องตะโกนให้กำลังใจกันแบบนี้
狂 [kuáng] (ขวาง) = บ้า
วันที่ 4 มิถุนายน ปี 2014 ตอนเช้านักเรียนม.ปลายห้อง 517 ที่กำลังจะซ้อมสอบครั้งสุดท้าย ใช้เวลาที่เหลือน้อยนี้พักผ่อนสักครู่ ด้วยสถานการณ์ที่เคร่งเครียด ทำให้นักเรียนรู้สึกเหนื่อยมากอย่างผิดปกติ
模拟考试 [mónǐ kǎoshì] (หมอ หนี เข่า ซื่อ) = การทำเลียนแบบการสอบจริง เช่น จับเวลาเท่าการสอบจริง รูปแบบข้อสอบใกล้เคียงกับข้อสอบจริง (อาจใช้ข้อสอบเก่า) เป็นต้น
วันที่ 5 เดือนพฤษภาคม 2013 ที่โรงเรียนหรู่หนาน เป็นช่วงเวลาทบทวนหนังสือด้วยตัวเอง ไฟหอพักปิดแล้ว เด็กนักเรียนต้องใช้แสงไฟจากหลายๆ แหล่งเพื่ออ่านหนังสือต่อ ในโรงเรียนสามารถรับรู้ได้ว่า ความรู้สึกที่หนักแน่นที่สุดคือบรรยากาศของการเรียน ภาพนักเรียนก้มหัวลงอ่านหนังสือมีให้เห็นทั่วไปในทุกๆ ห้อง
坚持学习 [jiānchí xuéxí] (เจียน ฉือ เสวีย สี) มุ่งมั่นเรียน
วันที่ 1 เดือนมิถุนายน 2013 เป็นภาพของอาคารเรียนของโรงเรียนมัธยมหรู่หนาน เห็นว่าเด็กนักเรียนอ่านหนังสือจนดึกทุกห้อง
เดือนกรกฏาคมปี 2013 เวลา 4 ทุ่ม 35 นาที ไฟในห้องพักดับแล้ว นักเรียนม.5 ใช้โคมไฟแบบชาร์ตแบตตอรี่ได้เพื่อส่องสว่างให้อ่านหนังสือกันได้ต่อ
熄灯 [xīdēng] (ซี เติง) = ดับไฟ
วันหนึ่งในเดือนกรกฏาคมปี 2013 อากาศร้อนอบอ้าว ในหอพักนักเรียนชายของโรงเรียนมัธยมหรู่หนาน เหล่านักเรียนต่างต้องออกมานอนหลับกันที่ถนนด้านนอก พื้นก็ยังร้อนจากแสงอาทิตย์ตอนกลางวัน ต้องรอถึงตอนตี 2 พื้นถึงจะเย็นลงนอนได้สบายขึ้น พอถึงประมาณตี 5 พวกเขาก็ต้องรีบลุกขึ้น เริ่มต้นการเรียนที่เคร่งเครียดต่อไป ท่ามกลางอากาศแบบนี้ วันหนึ่งนอนได้แค่ 3-4 ชั่วโมง นักเรียนจำนวนมากจึงเริ่มบ่นถึงสภาพโรงเรียนที่ไม่ดีและไม่เหมาะกับการใช้ชีวิต
陆续 [lùxù] (ลู่ ซวี่) = ทีละน้อย, ทีละอย่างๆ
นักเรียนหญิงคนนี้ (คนเดียวกับในรูปข้างบน) เพิ่งย้ายมาที่โรงเรียนจู้หม่าเตี้ยน เนื่องจากครอบครัวของเธอมีเวลาเจอกันน้อย เธอเองก็เรียนหนัก ไม่สามารถกลับบ้านไปกินข้าวเย็นที่บ้านได้ แม่จึงเอาอาหารเย็นมาที่โรงเรียนแล้วกินข้าวพร้อมหน้า ที่โรงเรียนมัธยมจู้หม่าเตี้ยน มีครอบครัวจำนวนมากต้องใช้วิธีนี้ โรงอาหารของโรงเรียนมื้อเย็นจึงเต็มไปด้วยครอบครัวกับเด็กนักเรียนที่ใช้เวลาที่มีไม่มากไว้พูดคุยเจอหน้ากัน
顾不上 [gùbushàng] (กู้ ปู ซ่าง) = ไม่สามารถเข้าร่วม หรือ ไม่สามารถจัดการ
เดือนพฤษภาคมปี 2013 โรงเรียนมัธยมหรู่หนาน เด็กนักเรียน 4 คนกำลังกินข้าวเช้าด้วยกัน เด็กนักเรียนที่นี่ส่วนมากมาจากชนบท ซึ่งต้องพักประจำที่โรงเรียน ชีวิตก็ลำบากแต่ต้องอดทนกัดฟันเรียนให้ได้ เพื่อเป้าหมายที่ว่า “ความรู้สามารถจะเปลี่ยนชะตาชีวิตได้” เด็กนักเรียนจากชนบทเหล่านี้ เอาชีวิตทั้งหมดมาพนันกับการสอบเอนท์ ความลำบากพวกนี้เด็กนักเรียนที่อยู่ในเมือง (หมายถึงฐานะดี) แทบจะจินตนาการไปไม่ถึง
寒窗 [hánchuāng] (หาน ชวง) เป็นสำนวนหมายถึงช่วงชีวิตที่ต้องอดทน พากเพียรเรียน
ที่โรงอาหารในโรงเรียนมัธยมหรู่หนาน เพื่อป้องกันไม่ให้รีบร้อนแล้วหยิบอุปกรณ์การกินผิด นักเรียนทุกคนจึงใช้วิธีเอากุญแจมาล๊อคไว้ซะ
锁 [suǒ] (สั่ว) = ล๊อค (กริยา)
วันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ 2014 เจ็ดโมงเช้า หิมะตกเป็นเกล็ดบางๆ เป็นเวลาที่นักเรียนม.4 และม.5 เริ่มกินข้าวเช้า เพราะว่าจำนวนนักเรียนมีมาก นักเรียนม.6 จึงจำเป็นต้องถูกสลับเวลาล่วงหน้า ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที นักเรียนทั้งหมดก็กินจนเสร็จ นักเรียนที่กินเสร็จแล้วก็ทะยอยกันเข้าห้องเรียนไปเรียนหนังสือ
结束 [jiéshù] (เจี๋ย ซู่) = เสร็จสิ้น, จบ
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2014 เป็นภาพถ่ายหิมะตกอีกภาพ หิมะนำมาซึ่งความสุขให้กับนักเรียนโรงเรียนมัธยมหรู่หนาน นักเรียนม.4 บนตึกสองคนเปิดหน้าต่างออกมายื่นมือไปรับเกล็ดหิมะที่ปลิวลง เมื่อพูดถึงชีวิตของเด็กนักเรียนเหล่านี้ พวกเขาคิดว่า 3 ปีสำหรับชั้นม.ปลาย ถือว่าเป็นฉากชีวิตการเรียนที่ต้องกัดฟันอดทนสู้ และแน่นอนว่าในฉากพวกนี้ต้องแลกมาด้วยเหงื่อ น้ำตา แต่ยังคงเชื่อว่าจะจบลงด้วยการหัวเราะอย่างเป็นสุข
乐趣 [lèqù] (เล่อ ชวี่) = ความสุข
欢笑 [huānxiào] (ฮวน เสี้ยว) = เสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
หนุ่มคนนี้ชื่อหลี่ยิ่งถง เป็นนักเรียนห้อง 518 โรงเรียนจู้หม่าเตี้ยน และเป็นแชมป์เกมส์ออนไลน์ประจำจังหวัดด้วย เมื่อขึ้นม.ปลาย พ่อแม่ของหลี่ยิ่งถงซึ่งทำธุรกิจเล็กๆ ยอมทุ่มเต็มที่เพื่อการเรียนของเขา ที่บ้านของหลี่ยิ่งถง ในห้องเต็มด้วยหนังสือวางซ้อนๆ กันเป็นกองสูงจนถึงเพดานห้อง
生意 [shēngyi] (เซิง อิ) = (ทำ)ธุรกิจ
舍得投资 [shěde tóuzī] (เส่อ เตอะ โถว จือ) = ยอมลงทุน
วันที่ 3 เดือนมิถุนายน 2014 นักเรียนห้อง 502 ชื่อเฉินจุนเฟิงกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบในหอพัก เขาเป็นนักเรียนที่มีคะแนนสอบวิทยาศาสตร์สูงที่สุดในโรงเรียน หลบเข้ามานั่งหาข้อมูลในห้องเก็บข้อมูล ทำให้มีเวลามากพอที่จะอ่านโดยไม่ถูกรบกวนจนใจวอกแวกจากการเรียน
干扰 [gānrǎo] (กาน หร่าว) = รบกวน
เดือนพฤษภาคมปี 2013 เด็กนักเรียนหญิงกำลังแอบเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ ระหว่างโทรกลับบ้าน โรงเรียนนี้มีนักเรียนมาจากชนบทเป็นจำนวนมาก ส่วนมากเป็นเด็กที่พ่อแม่ต้องไปทำงานที่อื่น เมื่อทุกคนจำเป็นต้องเรียนอย่างหนัก เดือนหนึ่งจึงยากที่จะได้กลับบ้านสักครั้ง ยิ่งพ่อแม่ทำงานต่างถิ่นบางทีปีครึ่งยังยากจะได้เจอกัน ยิ่งต้องมาเจอสถานการณ์กดดันอย่างการสอบเอนท์ เด็กหญิงที่อ่อนแอก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกในใจออกมา
留守 [liúshǒu] (หลิว โส่ว) แปลตรงตัวหมายถึงเด็กที่ถูกทิ้ง (ไว้ข้างหลัง) โดยหมายถึงการที่พ่อแม่ของเด็กจำเป็นต้องไปทำงานที่ถิ่นอื่น หรือเป็นเด็กที่ต้องอยู่ที่ชนบทดำรงชีวิตตามลำพัง บางทีก็อยู่กับญาติหรือเพื่อนบ้าน
ย่าของนักเรียนชายคนนี้ พูดถึงความลำบากของครอบครัวจนกลั้นไม่อยู่น้ำตาไหล เพื่อดูแลหลาน ย่าวัย 70 กว่าปีมาจากต่างจังหวัดเช่าห้องเล็กๆ ใกล้ๆ โรงเรียนเพื่อดูแลหลาน ในบริเวณที่พวกเขาเช่าอยู่มีอีก 16 ครอบครัวและเด็กอีก 40 กว่าคนเช่าอยู่รวมกัน ทั้งหมดก็คือครอบครัวที่มาเช่าเพื่อดูแลลูกหลานที่กำลังเตรียมตัวสอบเอนท์
伤心落泪 [shāngxīn luòlèi] (ซาง ซิน ลั่ว เล่ย) = เจ็บปวดจนน้ำตาไหลออกมา
เด็กชายคนนี้ (กำลังหาว) เป็นนักเรียนห้อง 556 โรงเรียนมัธยมหรู่หนาน มีครอบครัวที่ไม่มีความสุขนัก แม่จากไปด้วยมะเร็งกระเพาะ เมื่อพอรู้เรื่องก็ต้องอดทนลำบากเรียนเอง เรียนจนได้คะแนนติดหนึ่งในสิบของห้อง เขาบอกว่า “ผมมีแค่ต้องสู้ สอบเข้าได้มหาลัยที่หวังไว้ ถึงจะมีหน้าไปบอกกับย่า พ่อ และครูอาจารย์รวมถึงโรงเรียนที่ช่วยผมมาได้”
照顾 [zhàogu] (เจ้า กู้) = ดูแล, เทคแคร์
ภาพห้องเรียนห้อง 487 นักเรียนหญิงคนนี้มักเป็นคนที่อ่านหนังสือคนสุดท้ายของวัน เหลืออีก 20 กว่าวันจะถึงวันสอบเอนท์ นักเรียนม.6 ต้องทำข้อสอบฝึกหัดทุก ๆ 2 วัน ถ้าได้พักผ่อนเต็มที่นักเรียนก็จะเรียนได้ดี แต่ทุกคนก็พยายามใช้เวลาทุกวินาทีอย่างมีค่า ส่วนใหญ่จึงอ่านหนังสือจนถึงดึก วันรุ่งขึ้นก็ตื่นแต่เช้า วันๆ หนึ่งเวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องเรียน
争分夺秒 [zhēngfēnduómiǎo] (เจิง เฟิน ตั๋ว เหมี่ยว) เป็นสำนวนแปลว่า ใช้เวลาทุกนาที, ต่อสู้ทุกนาที
เดือนพฤษภาคม 2013 ภาพของนักเรียนม. 4 หลังสอบกลางภาคเสร็จ มีการประกาศผลสอบที่ได้คะแนนดีต่อหน้า ที่ประชุมนักเรียน นักเรียนคนหนึ่งบิดขี้เกียจอย่างเหนื่อยล้า
疲惫 [píbèi] (ผี เป้ย) = เหนื่อยล้า
เดือนพฤษภาคม 2013 ที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนหรู่หนาน นักเรียนที่เพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จกำลังมาให้ยาผ่านทางหลอดเลือด เวลาป่วยเป็นหวัดนักเรียนส่วนมากเลือกที่จะรักษาโดยการให้ยาผ่านทางหลอดเลือด เพราะว่ารักษาหายเร็วกว่า (กินยา) และไม่ต้องกระทบกับเวลาเรียนด้วย
打点滴 [dǎdiǎndī] (ต๋า เตี่ยน ตี) การให้ยาผ่านทางหลอดเลือด
นักเรียนกำลังให้ออกซิเจนพร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วยที่โรงพยาบาลเมืองซุ่ยหนิน
เดือนพฤษภาคม 2013 เด็กนักเรียนหญิงคนนี้กำลังยืนอยู่หน้าป้ายประกาศผลเอนทรานซ์ของ 6 จังหวัดหน้าโรงเรียน เพื่อการสอบเอนทรานซ์ โรงเรียนมักจะจัดการซ้อมสอบหลายๆ ประเภท โดยแต่ละโรงเรียนในเมืองนั้นจะรวมตัวกัน จัดให้มีการซ้อมสอบก่อนสอบจริง ยิ่งวันเอนทรานซ์ใกล้เข้ามา การสอบยิ่งเข้มข้น เพื่อให้บนเส้นทางที่เดินสู่การสอบจริง พวกเด็กนักเรียนรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นทหารผ่านศึกที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วนแล้ว
身经百战 [shēnjīngbǎizhàn] (เซิน จิง ไป่ จ้าน) = ทหารผ่านศึก,มีประสบการณ์อย่างโชกโชน
วันที่ 3 มิถุนายน 2014 เหลืออีก 3 วันจะเอนทรานซ์ โรงเรียนมัธยมหรู่หนานจัดงาน “ปฎิญาณตนสอบเอนทรานซ์” ให้นักเรียนชั้นม. 6 เดินผ่านซุ้มประตูสูบลมสีรุ้งที่เขียนไว้ว่า “เตอเซิ่งเหมิน” 德胜门 (ชื่อประตูที่ปักกิ่ง) และ “ประตูแห่งชัยชนะ” ระหว่างทางได้รับกำลังใจและเสียงตะโกนเชียร์ให้สู้ๆ สู้ๆ จากนักเรียนชั้นม.4, ม.5 และครูอาจารย์กว่าอีก 5 พันคน
德胜门 [Déshèngmén] (เต๋อ เซิ่ง เหมิน) เป็นชื่อประตูชัยที่ปักกิ่ง เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองทางเหนือ ปัจจุบันเป็นแลนมาร์คของถนนไฮเวย์วงแหวนรอบ 2 ของปักกิ่ง
วันที่ 8 มิถุนายน 2013 ตอนกลางวันที่โรงเรียนหรู่หนาน นักเรียนที่เพิ่งจะสอบเอนท์เสร็จลากเอาหนังสือที่ใช้การสอบลงจากตึกเพื่อเอาไปขายต่อในราคาถูกๆ ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว!
วันสอบเกาเข่าปีนี้ตรงกับวันที่ 7-8 มิถุนายน 2014 มีนักเรียนจีนเข้าสอบทั้งสิ้น 9.8 ล้านคน จริงๆ แล้วการสอบเพียงแค่สองวันนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก สาเหตุเพราะความเครียดมหาศาลที่กดดันนักเรียนจากการสอบเพียงแค่ครั้งเดียว และเกาเข่าเองก็ถูกเชื่อมโยงว่าเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นของจีนด้วย
โรงเรียนเหิงสุ่ย ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีประสบความสำเร็จในการสอบเกาเข่าสูงสุดตลอด 14 ปีที่ผ่านมา มีคติพจน์ประจำโรงเรียนอยู่ 2 ข้อ คือ “ชีวิตไม่ใช่การซ้อม เพราะว่าคุณจะไม่มีโอกาสได้ลองใหม่อีกครั้ง” กับ “ถ้าไม่ตายจากการเรียน ก็จงเรียนให้หนักขึ้นอีก” ที่โรงเรียนนี้นักเรียนจะเรียนหนังสือกันตั้งแต่ ตี 5.30-1ทุ่ม 50 ไม่ให้ใช้มือถือ และหยุดได้เดือนละวัน กล้องวงจรปิดถูกติดไว้ในแต่ละห้องเพื่อดูว่านักเรียนคนไหนจะขี้เกียจ ที่ทำอย่างนี้เพราะโรงเรียนเองก็ต้องการเตรียมให้นักเรียนสอบผ่านเกาเข่าให้ได้เหมือนกัน
กระทรวงศึกษาของจีนรายงานว่านักเรียนทุกคนกำลังต่อสู้กับที่นั่งในมหาลัยที่ว่างเพียง 6.5 ล้านที่ (คนสอบ 9.8 ล้านคน) การสอบแบ่งเป็น 3 วิชาหลักคือภาษาจีน เลขและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีการสอบเฉพาะทางด้วย ในอนาคตมีแผนที่ลดการเน้นการสอบภาษาอังกฤษลงแต่ไปเพิ่มการสอบภาษาจีนให้มากขึ้นแทน
นักเรียนกำลังสอบภาษาอังกฤษที่หอประชุมมหาลัยตงกว่าน
นักเรียนกำลังสอบสเก็ตซ์ภาพที่จี้หนาน มณฑลชานตง
นักเรียนกำลังขึ้นรถเมล์ไปสอบที่หลิวอัน มณฑลอันฮุย ครอบครัวรวมถึงเพื่อนๆ ของนักเรียนที่จะไปสอบต่างมาให้กำลังใจกันจนเต็มถนน
นักเรียน (คนซ้าย) กำลังอ่านหนังสือที่โรงแรมในเซี่ยงไฮ้ ที่เช่าไว้ใกล้กับสถานที่สอบเกาเข่าที่ปักกิ่งคนขับรถแท็กซี่กว่า 1,700 คันยินดีขับรถไปส่งนักเรียนที่ต้องการไปสอบให้ฟรี
นักเรียนฟุบหลับระหว่างพักอ่านหนังสือ โรงเรียนบางแห่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากำลังผลิต “หุ่นยนต์” ที่สามารถอ่านหนังสือได้มากกว่า 15 ชั่วโมงต่อวัน
นักเรียนกำลังท่องหนังสือด้วยตัวเองตอนกลางคืนที่เหอเฝย มณฑลอันฮุย มีตัวเลขเปรียบเทียบว่ามีผู้สอบเกาเข่า 9.8 ล้านในขณะที่มีคนสอบ SAT เพียง 1.8 ล้านคน
พ่อแม่ของนักเรียนที่ฮวายเป่ย มณฑลอันฮุยกำลังคอยลูกที่จะสอบเสร็จด้านนอก (ดูครั้งแรกนึกว่าม๊อบ)
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนักเรียนก่อนเข้าสอบที่เสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง เจ้าหน้าที่ให้คำปฏิญาณว่าจะจัดการกับการโกงสอบให้ได้
กล้องซ่อนในปากกา (ที่ 2 จากซ้าย) และตัวรับสัญญาณซึ่งทำให้เหมือนยางลบ ที่ตำรวจยึดได้จากนักเรียน
แว่นตาซ่อนกล้อง และตัวรับสัญญาณที่เป็นเหรียญวงเล็กๆ
อุปกรณ์การโกงสอบอย่างอลังถูกจับได้ที่เฉิงตู มณฑลเสฉวน
มือถือและตัวรับสัญญาณที่ถูกยึดมาได้ กระทรวงศึกษาจีนบอกว่านักเรียนที่ถูกจับได้ว่าโกงสอบต้องถูกตัดสิทธิ์สอบ 1-3 ปี
ตำรวจพยายามจัดให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อลงทะเบียนสอบ
พ่อแม่คอยลูกสอบเสร็จที่เซี่ยงไฮ้ (ป้ายสีแดงเขียนว่า ช่วงนี้คือช่วงสอบเกาเข่า)
นักเรียนเดินออกมาหลังจากเพิ่งสอบเสร็จวันแรก (คนมหาศาลมากๆ)