สุ่ยหลินกลับมาแว้วค่า กับตอน 2 ที่คุณผู้อ่านบอกว่าชอบ เย้ๆๆ ดีใจจุง ความนัยตอนเดิมเริ่มจากที่สุ่ยหลิน (แอบ) สงสัยว่าผู้หญิงจีนสมัยก่อนน่ะเค้าแต่งตัวกันยังไงนะ? โดยเฉพาะราชวงศ์ที่รุ่งเรืองที่สุดของจีนอย่างราชวงศ์ถัง เหมือนกะในหนังไหม๊น้า?
เลยเป็นที่มาของการหาข้อมูลและกลายเป็นโพสแรกค่า ใครยังไม่ได้อ่านต้องจัดที่นี่ค่าา อยากรู้จังผู้หญิงจีนสมัยก่อน เค้าแต่งตัวกันยังไงนะ??
อ่ะ…ที่นี่เรารู้แระว่าเค้าแต่งตัวกันยังไง งั้นมาติดตามโพสนี้ว่าเค้าแต่งหน้ากันยังไงน้า รับรองว่าจะตะลึง ตะลึงง ต่ะลึง ตึง ๆๆ (มุกเก่าน่าดู อ๊าย อาย)
ปอลิง ต้องออกตัว (แรง) ก่อนนะคะว่า โพสนี้ไว้อ่านเอาหนุกๆ รูปก็หาเอาจากอากู๋ ไม่สามารถอ้างอิงทางวิชาการได้นะคะ สุ่ยหลินก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกินซะมากกว่า อิ อิ
แพล่มนานเดวเบื่อ เริ่มกันเลยดีกว่า…
อย่างที่สุ่ยหลินเกริ่นมาก่อนหน้านี้ว่าราชวงศ์ถัง ถือว่าเป็นราชวงศ์ที่รุ่งเรืองที่สุดของจีนค่า กินเวลายาวนานเหมือนกันตั้งแต่ พ.ศ. 1161-1450 ถือว่าเกือบๆ 300 ปีเลยทีเดียวค่ะ แฟชั่น การกินอยู่ ธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง เช่น ต้นราชวงศ์นิยมแต่งแบบนี้ ปลายราชวงศ์เป็นอีกอย่างแบบนี้ก็มี ดูแล้วก็ไม่ต่างกับสมัยปัจจุบันนะคะ ของเราไม่ต้อง 300 ปีหร้อก แค่ต้นปีกับปลายปีแฟชั่นยังคนละอย่างเลยเนอะ
เรื่องแต่งหน้าแต่งสวยก็เหมือนกัน มีการเปลี่ยนแปลงตามสมัยนิยมไปเรื่อยๆ สาวๆ (ชั้นสูง) ในสมัยนู้นเค้าก็มีกระบวนการแต่งหน้าไม่แพ้สาวในยุคปี 2000 เรยค่า โดยมีเสต็ปความสวยเริ่มเป็นขั้นแบบเนี้ย
กระบวนการแต่งหน้าสมัยราชวงศ์ถัง
Step 1 ทาแป้งที่หน้า เน้นว่าต้องเป็นแป้งสีขาว หน้าจะได้ขาวผ่องนะคะ^^
Step 2 ทาแก้มสีแดง เน้นว่าต้องแดงมากๆ ด้วย จะอมๆ ชมพูม่ะได้
Step 3 ทาสีเหลืองที่หน้าผาก ใช่แว้วค่าาอ่านไม่ผิดหรอก ทาสีเหลืองที่ “หน้าผาก” เพราะสมัยถังเป็นยุคที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองมาก หน้าผากสีเหลืองทองก็ไม่ต่างกับหน้าผากของพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นของสูงค่ะ สีเหลืองนี้ทำมาจากพืชและดอกไม้ เอามาผสมน้ำแล้วใช้แปรงปัดเอา
Step 4 ถึงทีของคิ้วบ้างล่ะ ถือว่าเป็นส่วนที่ยากและซับซ้อนส่วนนึงของหน้าเลยนะคะ ไม่เฉพาะสมัยถัง สมัยนี้ก็เหมือนกัน เขียนคิ้วผิดหน้าเหน้อเปลี่ยนกันเลยทีเดียว เรียกว่าเรื่องคิ้วนี่เป็นความลับของจักรวาลที่ผู้หญิงสมัยก่อนเค้ารู้มาตั้งนานแล้วเนอะ
ด้วยความราชวงศ์ถังกินเวลานาน รูปคิ้วยอดฮิตก็เปลี่ยนไปตามสมัยนิยมด้วย ต่างกันขะไหนขนาดก็ดูรูปประกอบได้เลยครัชช
Step 5 ทาปากสีแดง โดยต้องเขียนขอบปากด้วย มีแบบยอดฮิตนิยมแบบนี้ค่าา ถ้าใครเลือกปากสุดท้ายก็ต้องเอาแป้งขาวๆ ทาให้ปากที่เหลือเป็นสีขาวด้วยน้า จุ๊บุ จุ๊บุ มากมาย
Step 6 ใกล้เสดแล้วน้า เฮียๆ สมัยถังอดทนหน่อย เพราะผ่านมาอีก 2000 กว่าปีผู้ชายก็ยังคงต้องรอผู้หญิงแต่งหน้าเหมียนเดิมแหละ อิ อิ
สเต็ปนี้เค้าจะเติม “面靥” [miàn yè] ซึ่งก็คือจุดสีแดงข้างริมฝีปาก อารมณ์ประมาณลักยิ้มอ่ะค่ะ เค้าว่าสาเหตุเดิมที่ต้องเติมจุดแบบนี้ เริ่มมาจากสนมนางในเป็นปจด. ไม่สามารถรับใช้ฮ่องเต้ได้แต่ขวยอายที่จะบอกตามตรง เลยเติมจุดไว้ข้างแก้มเป็นซิกแนล อารมณ์ว่าเห็นแล้วก็ไม่ต้องมาถามไม่ต้องมาหานะจ๊ะคืนนี้นะคะท่าน
พอเติมจุดแล้วก็เป็นแบบนี้ค่าา
Step 7 สุดท้ายแว้ว ถือว่าเป็นอ๊อปชั่น ทำได้ไม่ทำก็ได้ ก็คือการเติม “花钿” [huā diàn] หรือการเติมรูปดอกไม้กลางหน้าผากค่าา ปกติเป็นสีแดงแบบรูปนี้
หรือไม่บางทีก็เป็นรูปอื่นๆ ก็ได้ ใช้สีอื่นก็ได้แต่สีแดงรูปดอกไม้ก็ยังได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ดี
สวยมากๆ ใช่ไหมค่าา แต่ยังค่า ยังเพราะนี่คือหนังสมัยใหม่ มาดูของจริงกันดีกว่า ว่าพอผู้หญิงสมัยถังเค้าแต่งครบสูตรแบบนี้จะเป็นยังไง
โอม..ภาพประกอบจงมาา….ชรึ๊งงง
ลองดูงานปั้นมั่ง เดวหาว่ามโน
ทีนี้ก็มีคนคิดว่าถ้าเราเอามาตรฐานความสวยของการแต่งหน้าสมัยถัง มาแต่งตามภาพโบราณเด๊ะๆ เลยจะเป็นยังไงน้าา ข้างบนคือภาพจริงสมัยโบราณ ภาพล่างคือแต่งเลียนแบบ อย่าสับสนน้า!!
แหะๆ เป็นไงกันมั่งคะ ><‘
ลองมาดูเวอร์ชั่นชัดจัดเต็ม แต่งหน้าแต่งตัวเลียนแบบสมัยก่อนให้ครบสูตรก็เป็นแบบนี้ค่าา
เค้ามีแบบว่า บริการแต่งหน้าทำผมเหมือนสมัยก่อน แล้วไปถ่ายในบรรยากาศโบราณๆ แบบนี้ด้วย
มีชุดแบบสมัยนิยมตั้งแต่ต้นราชวงศ์ไล่ไปถึงปลายด้วยค่า แบบนี้
มิน่าเนอะฝรั่งเค้าถึงว่า beauty is in the eye of the beholder แปลได้ว่า “ความสวยขึ้นกับสายตาคนมอง” ถ้าจะยึดประโยคนี้เป็นหลัก สุ่ยหลินก็ว่าสุ่ยหลินสวยสุดเพราะคนที่มองคือตัวเองคนเดียว ไม่มีใครมากล้ามายกป้ายคัดค้านน 哈哈哈
หวังว่าจะชอบกันทั่วหน้านะคะ เพื่อคุณผู้อ่านสุ่ยหลินจัดเต็มที่ค่าาาา
^^